สหรัฐฯ ยกเลิกระงับฉีดวัคซีนโควิด Johson & Johnson

วันนี้( 24 เม.ย.64) องค์การอาหารและยาสหรัฐฯ หรือ FDA และศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคสหรัฐฯ หรือ CDC ร่วมกันประกาศยกเลิกการระงับใช้วัคซีนต้านโควิด-19 ของบริษัท Johnson & Johnson แล้ว และจะเริ่มกลับมาใช้วัคซีนตัวนี้ทันที ระบุเหตุผลว่า วัคซีนต้านโควิดที่ฉีดเพียงเข็มเดียวของ Johnson & Johnson หรือ J&J มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการต่อสู้กับการระบาดของโควิด-19 ในสหรัฐฯ 

ส่วนการเกิดลิ่มเลือดอุดตัน เป็นความเสี่ยงที่พบน้อยมากและสามารถจัดการได้ด้วยการเพิ่มคำเตือนลงไปบนฉลาก เพื่อให้หญิงในกลุ่มอายุที่เสี่ยงต่อการเกิดลิ่มเลือด ตัดสินใจเองว่า จะรับวัคซีนของ Johnson & Johnson หรือไม่ หรือเปลี่ยนไปรับวัคซีนตัวอื่น

อย่างไรก็ตามสหรัฐฯ สั่งระงับใช้วัคซีนต้านโควิดของ Johnson & Johnson มานาน 11 วัน หลังพบผู้ได้รับวัคซีนตัวนี้ เกิดอาการลิ่มเลือดอุดตัน 6 คน และในสัปดาห์นี้ รัฐบาลสหรัฐฯ รายงานเพิ่มเติมว่า พบผู้มีอาการลิ่มเลือดอุดตันที่พบได้ยาก หลังได้รับวัคซีนของ J&J เพิ่มอีก 9 คน เป็นทั้งหมด 15 คน หรือเพิ่มขึ้นกว่า 2 เท่าจากเดิมที่พบ 6 คน ส่วนชาวอเมริกันที่ได้รับวัคซีนของ J&J แล้ว มีเกือบ 8 ล้านคน ใน 15 คนนี้ เสียชีวิต 3 คน ยังรักษาตัวในโรงพยาบาล 7 คน ออกจากโรงพยาบาลแล้ว 5 คน ทั้ง 15 คนเป็นหญิงที่มีอายุต่ำกว่า 50 ปี หญิงกลุ่มอายุนี้ จึงถือเป็นกลุ่มเสี่ยงที่จะเกิดอาการลิ่มเลือดอุดตัน หากได้รับวัคซีนของ J&J

การตัดสินใจของ FDA และ CDC เกิดขึ้นหลังจากในวันเดียวกันนั้น คณะผู้เชี่ยวชาญที่ปรึกษาของ CDC ได้ลงมติแบบไม่เป็นเอกฉันท์ 10 ต่อ 4 ยกเลิกการระงับใช้ และไฟเขียวให้สหรัฐฯ กลับมาใช้วัคซีนของ J&J ได้ แม้ว่าจะทำให้เกิดอาการลิ่มเลือดอุดตัน แต่พบได้น้อยมาก และประโยชน์ของวัคซีนมีมากกว่าความเสี่ยง แต่กำหนดให้ทาง J&J ต้องเพิ่มคำเตือนสำหรับหญิงที่เป็นกลุ่มเสี่ยง

ในสัปดาห์นี้ องค์การยาแห่งยุโรป หรือ EMA ก็เพิ่งตัดสินใจยกเลิกการระงับใช้วัคซีนของ J&J ไปก่อนหน้าสหรัฐฯ