DOHOME โบรกฯ ปรับเป้าหมายลง จาก SSSG ฟื้นช้า-ค่าใช้จ่ายสูง
#ทันหุ้น - บล.เมย์แบงก์ คงคำแนะนำ “ถือ” DOHOME และปรับราคาเป้าหมายอิงวิธี DCF ลงเหลือ 10.80 บาท (จาก 12.10 บาท) เนื่องจากการปรับลดประมาณการกำไรเพื่อสะท้อนการฟื้นตัวของ SSSG ที่ช้ากว่าคาดและค่าใช้จ่ายที่เพิ่มสูงขึ้น แม้ฝ่ายวิจัยคาดว่าผลประกอบการในช่วง Q4/67 และปี 2568 จะปรับตัวดีขึ้น แต่ฝ่ายวิจัยมองว่าหุ้นยังไม่น่าสนใจเนื่องจาก valuation ค่อนข้างแพง (P/E ปี 68 ที่ 34 เท่า เทียบกับค่าเฉลี่ยของกลุ่มที่ 22 เท่า) และ ROE ที่ต่ำกว่ากลุ่ม ทั้งนี้ในกลุ่มค้าปลีก ชอบ CPALL (แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 81.00 บาท) มากกว่า เนื่องจากแนวโน้มกำไรที่แข็งแกร่งและ valuation ที่น่าสนใจกว่า
หั่นกำไรสะท้อน SSSG ชะลอ-ค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้น ฝ่ายวิจัยปรับลดประมาณการกำไรปี 67-68 ลง 20% และ 13% ตามลำดับ สะท้อน SSSG ที่อ่อนแอกว่าคาดและค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นจากค่าใช้จ่ายพนักงานที่สูงขึ้น โดยคาดว่า SSSG ของ DOHOME จะอยู่ที่ -4% ในปี 67 และ +4% ในปี 68 ทั้งนี้ บริษัทมีแผนกลับมาเปิดสาขาใหญ่เพิ่มอีก 2-3 สาขา และสาขาขนาดเล็ก 10-12 สาขาในปี 68 อัตรากำไรขั้นต้นคาดว่าจะเพิ่มขึ้น 31bps YoY เป็น 17.6% ในปี 68 จากสัดส่วนผลิตภัณฑ์เฮาส์แบรนด์ที่เพิ่มขึ้นและราคาสินค้าเหล็กที่ปรับเข้าสู่ภาวะปกติ โดยฝ่ายวิจัยคาดการณ์ว่ากำไรจะเติบโต 36% YoY เป็น 933 ล้านบาทในปี 68
คาดการณ์ผลประกอบการฟื้นตัวใน Q4/67 ทั้งนี้ คาดว่ากำไรปกติใน Q4/67 จะฟื้นตัว 33% YoY และ 125% QoQ (จากฐานที่ต่ำ) เนื่องจาก SSSG ที่ปรับตัวดีขึ้นและอัตรากำไรขั้นต้นที่เพิ่มขึ้น โดยได้รับแรงหนุนจากยอดขายเพิ่มขึ้น สัดส่วนผลิตภัณฑ์เฮาส์แบรนด์ที่สูงขึ้น และอัตรากำไรขั้นต้นจากเหล็กฟื้นตัว ผู้บริหารแจ้งว่าความต้องการจากผู้รับเหมาและผู้รับเหมาช่วงเริ่มฟื้นตัวจากการเบิกจ่ายงบประมาณภาครัฐและปริมาณฝนที่ลดล ขณะที่ SSSG ของลูกค้าทั่วไปยังคงติดลบเล็กน้อย แต่ผู้บริหารคาดว่าจะเห็นการปรับตัวดีขึ้นเนื่องจากเป็นช่วงฤดูกาลเก็บเกี่ยว โดยคาดว่า SSSG ใน Q4/67 จะอยู่ที่ +4% และอัตรากำไรขั้นต้นจะขยายตัว 41bps YoY เป็น 17.3%
Valuation ยังสูงเกินไป หลังปรับลดประมาณการกำไร ราคาเป้าหมายอิงวิธี DCF (WACC 7.2%, G 2%) ถูกปรับลดลงเหลือ 10.80 บาท จาก 12.10 บาท โดยราคาเป้าหมายใหม่คิดเป็น P/E ปี 68 ที่ 37.4 เท่า ปัจจุบัน DOHOME ซื้อขายที่ P/E ปี 68 ที่ 34 เท่า สูงกว่าค่าเฉลี่ยของกลุ่มค้าปลีกเฉลี่ยที่ 22 เท่า ในขณะที่ ROE คาดว่าจะอยู่ที่ 7% เทียบกับค่าเฉลี่ยของกลุ่มที่ 13% ฝ่ายวิจัยจึงคงคำแนะนำ “ถือ” เนื่องจาก valuation ยังคงแพงเกินไป