“ฟอร์ด” เตือนราคารถในสหรัฐฯ พุ่ง มิ.ย.

“ฟอร์ด มอเตอร์” บริษัทรถยนต์รายใหญ่ของสหรัฐฯ เตือนตัวแทนจำหน่ายว่า มาตรการกำแพงภาษีของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ในอัตราร้อยละ 25 สำหรับรถยนต์นำเข้า ซึ่งเริ่มมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 3 เมษายน จะส่งผลให้ต้นทุนของภาษีถูกส่งต่อไปยังรถบางรุ่นที่จะส่งมอบตั้งแต่เดือนมิถุนายนเป็นต้นไป
“แอนดรูว์ ฟริก” ประธานฝ่ายกิจการค้าปลีกของ “ฟอร์ด” ระบุว่า บริษัทจะไม่ปรับขึ้นราคาขายปลีกที่ผู้ผลิตแนะนำให้ตัวแทนขาย (MSRP) สำหรับรถยนต์รุ่นใด ๆ ที่มีอยู่ในคลังสินค้าในขณะนี้ แต่หากยังไม่มีการปรับเปลี่ยนนโยบายภาษีนำเข้ารถต่อไป บริษัทอาจจำเป็นต้องปรับราคาของรถยนต์ในอนาคต ซึ่งคาดว่าจะเกิดขึ้นกับการผลิตในเดือนพฤษภาคม
ฟอร์ด ระบุกับ CNN ว่า ขณะนี้ผู้แทนจำหน่ายจะยังไม่มีการปรับขึ้นราคา เนื่องจากรถที่ผลิตในเดือนพฤษภาคมจะถึงมือผู้แทนจำหน่ายในเดือนมิถุนายนหรือหลังจากนั้น
โดยลูกค้ายังมีทางเลือกหลากหลาย และบริษัทมีสินค้าคงคลังรองรับไปจนถึงวันที่ 2 มิถุนายน อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ภาษีศุลกากรมีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา และบริษัทจะประเมินผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากมาตรการภาษีศุลกากรอย่างใกล้ชิดต่อไป
ทั้งนี้ ผู้ผลิตรถยนต์ ตัวแทนจำหน่าย และผู้ซื้อชาวอเมริกัน ต่างก็เตรียมรับมือกับผลกระทบจากมาตรการภาษีศุลกากร ซึ่งอาจกระทบต่อตลาดรถยนต์ในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า
ผู้เชี่ยวชาญหลายรายมองว่า ภาษีศุลกากรร้อยละ 25 อาจทำให้ต้นทุนในการผลิตหรือนำเข้ารถยนต์เพิ่มขึ้นหลายพันดอลลาร์ต่อคัน รวมถึงจะทำให้ความต้องการซื้อรถยนต์ลดลง ประกอบกับรัฐบาลสหรัฐฯ ยังมีแผนจัดเก็บภาษีชิ้นส่วนรถยนต์ในเดือนหน้า ซึ่งจะหนุนราคาให้สูงขึ้นอีก เนื่องจากรถยนต์ทุกคันที่ผลิตในสหรัฐฯ มีชิ้นส่วนที่ต้องนำเข้าบางส่วน
อย่างไรก็ตาม บางรายยังมองอย่างมีความหวัง หลังจากประธานาธิบดีทรัมป์กล่าวให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวว่า กำลังมองหาวิธีที่จะช่วยเหลือบริษัทผลิตรถยนต์สำหรับการเปลี่ยนชิ้นส่วนที่ผลิตในแคนาดา เม็กซิโก และที่อื่น ๆ หันมาใช้ชิ้นส่วนที่ผลิตในสหรัฐฯ ซึ่งอาจต้องใช้เวลา