เจรจาสันติภาพยูเครนคืบหน้า รัสเซียประกาศจะลดปฏิบัติการทหารในเคียฟ
วันที่ 29 มี.ค. บีบีซี รายงานผลการเจรจาสันติภาพระหว่างยูเครนและรัสเซียครั้งล่าสุดในนครอิสตันบูล ประเทศตุรกี ว่า รัสเซียประกาศจะลดปฏิบัติการรบทางทหารจำนวนมากใน 2 พื้นที่หลักของยูเครน เพื่อเพิ่มความวางเนื้อเชื่อใจร่วมกัน
การตัดสินใจดังกล่าวจะลดขนาดปฏิบัติการทางทหารของรัสเซียรอบกรุงเคียฟ เมืองหลวง และเมืองเชียร์นีฮิฟ ทางเหนือของยูเครน ซึ่งเป็นสัญญาณแรกของความคืบหน้าที่เป็นรูปธรรมในการเจรจาตั้งแต่รัสเซียรุกรานยูเครนเมื่อวันที่ 24 ก.พ.
ระหว่างการเจรจา ยูเครนยื่นข้อเสนอกลายเป็นรัฐเป็นกลางเพื่อแลกกับการรับประกันความมั่นคง หลังเป้าหมายหลักของรัสเซียในการรุกรานยูเครนคือยับยั้งยูเครนในการเข้าร่วมกับองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ (นาโต) ขณะที่เจ้าหน้าที่รัสเซียกล่าวว่า การเจรจาครั้งล่าสุดก้าวไปสู่ขั้นตอนการปฏิบัติ
-
อเล็กซานเดอร์ โฟมิน รองรัฐมนตรีกลาโหมรัสเซีย ผู้เข้าร่วมในการเจรจากับยูเครน ให้สัมภาษณ์สถานีโทรทัศน์รัสเซียว่า "ขณะที่สถานะความเป็นกลางและไม่ใช่นิวเคลียร์ และการรับประกันความมั่นคงของยูเครนมีความคืบหน้า กระทรวงกลาโหมรัสเซียจึงตัดสินใจลดปฏิบัติการทหารส่วนใหญ่ลงใน 2 พื้นที่ เพื่อสร้างเงื่อนไขที่จำเป็นในการเจรจาต่อไปและในการลงนามในข้อตกลงดังกล่าว"
ด้านโอเล็คซันเดอร์ ชาลี คณะผู้แทนเจรจาของยูเครน บอกผู้สื่อข่าวว่า “ข้อเสนอสถานะความเป็นกลางของยูเครนเป็นโอกาสที่จะฟื้นฟูบูรณะภาพดินแดน และความมั่นคงของยูเครนด้วยวิธีทางการทูตและทางการเมือง เป้าหมายของยูเครนคือแก้ไขสถานะของตัวเองในฐานะรัฐที่ไม่ใช่กลุ่มและไม่ใช่นิวเคลียร์โดยพฤตินัยในรูปแบบความเป็นกลางถาวร”
กองทัพรัสเซียปิดล้อมเมืองเชอร์นีฮิฟ ซึ่งเจ้าหน้าที่ระบุว่า มีผู้เสียชีวิตแล้ว 400 ราย และผู้อยู่อาศัยราว 130,000 คน ไม่มีเครื่องทำความร้อน ไฟฟ้า หรือน้ำประปา
-
นายวลาดีมีร์ เมดินสกี หัวหน้าคณะผู้เจรจาของรัสเซีย ให้สัมภาษณ์สำนักข่าวตาสส์ สื่อทางการรัสเซียว่า การเจรจาดังกล่าว "มีความหมาย" ส่วนข้อเสนอของยูเครนเกี่ยวกับสถานะความเป็นกลางจะส่งไปถึงประธานาธิบดีรัสเซีย วลาดีมีร์ ปูติน แต่ไม่ได้บอกถึงความเป็นไปได้ของการประชุมสุดยอดกับประธานาธิบดียูเครน โวโลดีมีร์ เซเลนสกี
อย่างไรก็ตาม นายเมดินสกีชี้แจงอย่างชัดเจนว่า ก่อนหน้านั้น สนธิสัญญาจะต้องร่างและอนุมัติจากคณะผู้เจรจาและให้รัฐมนตรีต่างประเทศลงนาม “นี่ไม่ใช่ข้อตกลงการหยุดยิง แต่เป็นปณิธานของพวกเราที่จะค่อยๆ บรรลุการลดความขัดแย้งอย่างน้อยที่สุดอย่างน้อยในแนวรบเหล่านี้" นายเมดินสกีกล่าวกับตาสส์
นอกจากนี้ ในการเจรจากลับไม่มีการพูดถึงข้อเรียกร้องหลักของนายปูตินที่ขอให้ยูเครนเป็นเขตปลอดทหารหรือ "ปลอดนาซี" แต่อย่างใด ซึ่งเป็นข้อกล่าวหาที่ถูกมองเป็น "โฆษณาชวนเชื่อของรัสเซีย" ก่อนหน้านี้ นายปูตินกล่าวในช่วงเริ่มต้นของการรุกรานยูเครน ว่า นาโตเป็นภัยคุกคามอันตรายต่อรัสเซียมากขึ้นทุกปี
-
คณะผู้เจรจาของยูเครนในนครอิสตันบูลส่งข้อเสนอโดยละเอียดแซึ่งครอบคลุมความเป็นกลางและประเด็นหลักอื่นๆ ในความขัดแย้ง แก่คณะผู้เจรจารัสเซีย ดังนี้
- ยูเครนจะกลายเป็นรัฐที่ "ไม่ใช่กลุ่มและไม่ใช่นิวเคลียร์" โดยไม่มีฐานทัพหรือกองกำลังต่างชาติในอาณาเขตของยูเครน
- เงื่อนไขข้างต้นจะมีหลักประกันเข้มงวดและมีผลผูกพันทางกฎหมายจากประเทศต่างๆ รวมถึงสหราชอาณาจักร จีน สหรัฐอเมริกา ตุรกี ฝรั่งเศส แคนาดา อิตาลี โปแลนด์ และอิสราเอล ซึ่งจะตกลงที่จะปกป้องยูเครนที่เป็นกลางในกรณีที่ยูเครนถูกโจมตี
- ยูเครนจะไม่เข้าร่วมเป็นพันธมิตรทางทหาร-การเมือง และการซ้อมรบระหว่างประเทศใดๆ จะต้องได้รับความยินยอมจากรัฐผู้ให้หลักประกันยูเครน
- สถานะในอนาคตของคาบสมุทรไครเมียซึ่งรัสเซียยึดครองในปี 2557 จะถูกตัดสินโดยการปรึกษาหารือเป็นเวลา 15 ปี
- ประธานาธิบดีทั้งสองประเทศจะหารือเกี่ยวกับอนาคตของพื้นที่ดอนบาสภายใต้การยึดครองของกลุ่มแบ่งแยกดินแดนที่ได้รับการสนับสนุนจากรัสเซีย
-
นายดาวิด อาราฮาเมีย ผู้เจรจาของยูเครน กล่าวว่า กรอบการเจรจานี้จะสามารถตกลงหยุดยิงได้โดยยังไม่ต้องตกลงเกี่ยวกับไครเมียและดอนบาส
ข้อเสนอดังกล่าวจะสามารถทำให้ยูเครนเข้าร่วมกับสหภาพยุโรป (อียู) พร้อมกับห้ามยูเครนกลายเป็นส่วนหนึ่งของพันธมิตรทางทหารในการป้องกันประเทศของนาโต