รีเซต

"ทรัมป์" เตือนสหรัฐฯ เจอหายนะ หากศาลสั่งยกเลิกภาษี

"ทรัมป์" เตือนสหรัฐฯ เจอหายนะ หากศาลสั่งยกเลิกภาษี
TNN ช่อง16
7 ตุลาคม 2568 ( 13:08 )
2

สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ ได้ออกมาเตือนว่า หากศาลสูงสหรัฐมีคำตัดสินให้ยกเลิกภาษีศุลกากรที่เป็นนโยบายหลักของเขา จะเกิดหายนะทางระบบราชการตามมา เนื่องจากรัฐบาลอาจต้องคืนเงินภาษีจำนวนมหาศาลให้กับบริษัทผู้นำเข้าในรูปแบบเช็คกระดาษ ซึ่งอาจสร้างความโกลาหลด้านการดำเนินงานของรัฐอย่างรุนแรง

รายงานระบุว่า หากศาลตัดสินว่าภาษีศุลกากรที่อิงตามประเทศต้นทางของสินค้านั้นผิดกฎหมาย สหรัฐอาจต้องคืนเงินส่วนใหญ่จากภาษีศุลกากรรวมกว่า 165,000 ล้านดอลลาร์ ที่เก็บได้ในปีงบประมาณนี้ให้แก่บริษัทผู้นำเข้า แต่ขั้นตอนการขอคืนภาษีดังกล่าวมักดำเนินการล่าช้า และยังคงต้องใช้เช็คกระดาษเป็นหลัก ซึ่งผู้เชี่ยวชาญเตือนว่ารัฐบาลไม่น่าจะสามารถจัดระบบใหม่เพื่อคืนเงินได้อย่างรวดเร็ว

"ทรัมป์" มักกล่าวว่า รายได้จากภาษีศุลกากร จะทำให้อเมริกากลับมารวยอีกครั้ง โดยเขาได้เสนอแนวคิดให้นำเงินดังกล่าวไปใช้ตามนโยบายต่าง ๆ เช่น ชำระหนี้สาธารณะ สนับสนุนเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบ หรือแจกเช็คคืนเงินให้ประชาชน ดังนั้น หากศาลมีคำตัดสินให้ยกเลิกมาตรการดังกล่าว คาดว่ารัฐบาลของเขาจะไม่ยอมสูญเสียรายได้นี้ง่าย ๆ และอาจรีบออกมาตรการเก็บภาษีรูปแบบใหม่ภายใต้อำนาจกฎหมายอื่นทันที 

ในขณะที่ศาลสูงสหรัฐ มีกำหนดเริ่มพิจารณาคดีดังกล่าวในเดือนพฤศจิกายน หลังศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ ได้ตัดสินไปก่อนแล้วว่าทรัมป์ไม่มีอำนาจตามกฎหมาย International Emergency Economic Powers Act (IEEPA) ในการกำหนดภาษีดังกล่าว ซึ่งหากศาลสูงตัดสินยืนตามนั้น รัฐบาลอาจต้องคืนเงินครึ่งหนึ่งของภาษีศุลกากรที่จัดเก็บในปีนี้ให้กับผู้นำเข้า

“OpenAI” เซ็นข้อตกลง เข้าถือหุ้น AMD สัดส่วนร้อยละ 10

“OpenAI” และ Advanced Micro Devices (AMD) ได้บรรลุข้อตกลงร่วมกัน ซึ่งจะเป็นการปูทางให้ OpenAI ของ "แซม อัลท์แมน" เข้าถือหุ้นสัดส่วนร้อยละ 10 ใน AMD

ในแถลงการณ์ประกาศความร่วมมือระหว่าง “OpenAI” และ “AMD” ระบุว่า OpenAI จะติดตั้งหน่วยประมวลผลกราฟิก Instinct ของ AMD ขนาด 6 กิกะวัตต์ภายในระยะเวลาหลายปี และจะครอบคลุมฮาร์ดแวร์หลายเจเนอเรชัน โดยโครงการดังกล่าวจะเริ่มต้นด้วยการติดตั้งชิปขนาด 1 กิกะวัตต์ในช่วงครึ่งหลังของปี 2569

และภายใต้ข้อตกลงในครั้งนี้ AMD ได้ออกใบสำคัญแสดงสิทธิ (วอร์แรนท์) ให้แก่ OpenAI สำหรับการเข้าซื้อหุ้นสามัญของ AMD จำนวนสูงสุด 160 ล้านหุ้น โดยมีเงื่อนไขการได้รับสิทธิตามปริมาณการติดตั้งชิปและราคาหุ้นของ AMD ซึ่งหาก OpenAI ใช้สิทธิตามวอร์แรนท์ครบทั้งหมด บริษัทจะสามารถเข้าถือหุ้นราวร้อยละ 10 ของ AMD โดย OpenAI ระบุว่าข้อตกลงนี้มีมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์ แต่ปฏิเสธที่จะเปิดเผยตัวเลขที่แน่นอน

"แซม อัลท์แมน" ซีอีโอของ OpenAI กล่าวในแถลงการณ์ประกาศความร่วมมือครั้งนี้ว่า “ความเป็นผู้นำของ AMD ด้านชิปประมวลผลสมรรถนะสูง จะช่วยให้ OpenAI สามารถเร่งความก้าวหน้าและนำประโยชน์ของเทคโนโลยี AI ขั้นสูง มาสู่ทุกคนได้เร็วขึ้น” 

ข้อตกลงดังกล่าวทำให้ AMD กลายเป็นพันธมิตรเชิงกลยุทธ์หลักของ OpenAI และถือเป็นหนึ่งในข้อตกลงการติดตั้ง GPU ขนาดใหญ่ที่สุดในอุตสาหกรรมปัญญาประดิษฐ์จนถึงปัจจุบัน โดยความร่วมมือนี้ยังมีแนวโน้มที่จะช่วยบรรเทาความตึงตัวของห่วงโซ่อุปทานในอุตสาหกรรม และลดการพึ่งพาผู้จำหน่ายรายเดียวของ OpenAI 

ในขณะที่เมื่อเกือบสองสัปดาห์ก่อน OpenAI เพิ่งเปิดเผยข้อตกลงครั้งสำคัญกับ Nvidia มูลค่า 100,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งรวมถึงทั้งการลงทุนถือหุ้นและการจัดหาชิปในระยะยาว โดยในกรณีของ Nvidia นั้น เป็นฝ่ายที่เข้ามาถือหุ้นใน OpenAI


"หุ้นยูโรโซน" เข้าตา "เจพี มอร์แกน" ปรับน้ำหนักขึ้นเป็น "Overweight" 

แม้ตลาดหุ้นยูโรโซนจะเดินหน้าบวกขึ้นทำ All Time High ตามตลาดหุ้นประเทศพัฒนาแล้ว แต่ในแง่มูลค่าถือว่ายังตามหลังตลาดหุ้นสหรัฐฯ อยู่มาก ด้วยเหตุนี้ ทีมกลยุทธ์ของ J.P. Morgan จึงได้ปรับมุมมองหุ้นยูโรโซนขึ้นเป็น Overweight และมองเป็นจังหวะเข้าซื้อ

สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า ทีมกลยุทธ์ของ J.P. Morgan ได้ปรับมุมมองต่อตลาดหุ้นยูโรโซนขึ้นจาก "ถือเท่ากับตลาด" (neutral) เป็น "น้ำหนักมากกว่าตลาด" (overweight) โดยให้เหตุผลว่าหุ้นในภูมิภาคนี้เริ่มมีความน่าสนใจมากขึ้น หลังจากที่ปรับตัวอ่อนแอมาหลายเดือน นอกจากนี้ หุ้นยูโรโซนในหลายประเทศ ยังได้รับแรงหนุนจากนโยบายภาครัฐด้วย

ทั้งนี้ ที่ผ่านมา ดัชนี Euro Stoxx 50 ยังคงปรับตัวตามหลัง S&P 500 ของสหรัฐไปเกือบร้อยละ 18% นับตั้งแต่การปรับขึ้นแรงในไตรมาสแรก แต่ทีมกลยุทธ์ของ J.P. Morgan เห็นว่านี่คือ "โอกาสในการเข้าซื้อ" เนื่องจากหุ้นยุโรปมีมูลค่าถูกกว่าหุ้นสหรัฐอย่างมีนัยสำคัญ และยังมีปัจจัยบวกที่อาจกระตุ้นตลาด เช่น มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของเยอรมนี และสัญญาณฟื้นตัวของสินเชื่อในยูโรโซน

J.P. Morgan ยังระบุด้วยว่า การที่สหรัฐเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากสหภาพยุโรปที่ร้อยละ 15 ได้ปลดล็อกความกังวลสำคัญอย่างหนึ่งของตลาดหุ้นยุโรป เพราะความไม่แน่นอนด้านการค้าเริ่มลดลง นอกจากนี้ การปรับเพิ่มประมาณการกำไรของบริษัทจดทะเบียน และแนวโน้มการซื้อหุ้นคืน (share buybacks) ที่สูงขึ้น อาจช่วยหนุนทิศทางเชิงบวกของตลาดหุ้นยูโรโซนในปีหน้า 

ทั้งนี้ J.P. Morgan ยังคงเป้าหมายดัชนี Euro Stoxx 50 สิ้นปีไว้ที่ 5,800 จุด ซึ่งเพิ่มขึ้นแล้วราวร้อยละ 10.4 นับตั้งแต่ต้นปี ส่วนในเชิงกลุ่มอุตสาหกรรม J.P. Morgan คงมุมมอง "เชิงบวก" ต่อหุ้นกลุ่มป้องกันประเทศ (defense) เนื่องจากคาดว่าการใช้จ่ายด้านการลงทุน (capital expenditure) จะช่วยหนุนหุ้นในกลุ่มอุตสาหกรรม วัสดุก่อสร้าง และสาธารณูปโภค และแม้สถานการณ์การเมืองในฝรั่งเศสยังมีความไม่แน่นอน แต่ทีมกลยุทธ์ของ J.P. Morgan มองว่า "ควรใช้จังหวะอ่อนตัวในการเข้าซื้อ" เพราะเชื่อว่าแรงกดดันดังกล่าวจะไม่ยืดเยื้อในระยะยาว


ข่าวที่เกี่ยวข้อง