'บิ๊กบี้' ลงนามร่วม กฟผ.พัฒนาโรงไฟฟ้า ศึกษาพัฒนาพลังงานทางเลือกพื้นที่ 3 แสนไร่ จ.กาญจนบุรี
เมื่อวันที่ 28 มกราคม ที่สถานีวิทยุโทรทัศน์กองทัพบกช่อง 5 (ททบ.5) พล.อ.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) พร้อมนายบุญญนิตุ ผู้ว่าการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือการศึกษาความเป็นไปได้ในการพัฒนาโรงไฟฟ้าพลังงานทางเลือก โดยมี พล.ท.รังษี กิติญาณทรัพย์ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ สถานีวิทยุโทรทัศน์กองทัพบกช่อง 5 และดร.จิราพร ศิริคำ รองผู้ว่าการยุทธศาสตร์ กฟผ. เป็นพยานการลงนามการร่วมลงนามในข้อตกลงครั้งนี้ เพื่อศึกษาความเป็นไปได้เบื้องต้นในการผลิตพลังงานจากแสงอาทิตย์ ซึ่งเป็นพลังงานสะอาดที่ช่วยลดมลภาวะบนพื้นที่ที่มีศักยภาพเหมาะสมในการดูแลของกองทัพบกในภูมิภาคต่ง ๆ ของประเทศรวมกว่า 4.5 ล้านไร่ อาทิ บริเวณพื้นที่ต.แก่งเสี้ยน อ.มือง จ.กาญจนบุรี จำนวน 3 แสนไร่ ซึ่งคาดว่าจะมีความเหมาะสมในการทำโซลาร์ฟาร์ม เพื่อผลิตกระแสไฟฟ้าได้
สำหรับพลังานแสอาทิตย์ ถือเป็นพลังงานทางเลือกที่เริ่มมีบทบาทสำคัญในการเสริมความมั่นคงทางด้านพลังงานไฟฟ้า และเป็นพลังงานสะอาดที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม สามารถช่วยส่งเสริมเศรษฐกิจของประเทศในการลดต้นทุนการผลิตของภาคธุรกิและภาคอุตสาหกรรม รวมไปถึงภาคครัวเรือนที่มีอัตราการใช้พลังานไฟฟ้าที่เพิ่มมากขึ้น ซึ่งจากสถานการณ์การแพระบาดของเชื้อไวรัสโควิด19 ที่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจของประเทศ และทำให้เกิดชีวิตวิถีใหม่ (new normal) พลังงานไฟฟ้าจึงเป็นพลังานหลักของหลายภาคส่วน ดังนั้นการปรับยุทธศาสตร์ด้านตันทุนการผลิตจึงป็นเรื่องสำคัญ หากสมารถนำพลังงานหมุนวียนมาช่วยเสริมในระบบไฟฟ้า นอกจากส่งเสริมการผลิตพลังงานสะอาดที่เป็นมิตรต่อสิ่แวดล้อมแล้ว ในอนาคตหากเทคโนโลยี ได้รับการพัฒนาไห้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นจะสามารถลดต้นทุนการผลิตได้อีกทางหนึ่ง
กองทัพบก และ กฟผ. เล็งเห็นถึงความสำคัญของการใช้พลังานหมุนเวีย จึงทำให้เกิดความร่วมมือกัน เพื่อแสวงหาและพัฒนาด้านพลังงานของประเทศ โดยมีเป้าหมายให้ประเทศไทยและประชาชนได้รับประโยชน์ในเรื่องของการใช้ไฟฟ้าจากพลังานสะอาด อัตราค่าไฟฟ้าลดล ลดการขาดดุลจากการซื้อไฟฟ้าและนำเข้าก๊าซจากต่างประเทศ เป็นการระดมทุนเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิในสภาวะเศษฐกิจถดถอย สร้างงานสร้างอาชีพให้ประชาชน ตลอดจนเป็นการช่วยเกษตรกรไทยในการจำหน่ายสินค้าทางการเกษตรแบบแลกเปลี่ยน (Bater Tade) กับประเทศที่จำหน่ายเทคโนโลยีโชลาร์เซลล์ ดังนั้นการศึกษาความเป็นไปได้ในการพัฒนาโรงงานไฟฟ้าพลังานทางเลือกในความร่วมมือครั้งนี้ นับเป็นก้าวสำคัญที่จะช่วยปฏิรูปในเรื่องพลังงานไฟฟ้า และสร้างความมั่นคงด้านพลังงานของประเทศไทยได้อย่างยั่งยืนต่อไป