รีเซต

"อินเดีย" จ่อมี "DeepSeek" ของตัวเองใน 4-5 ปี l การตลาดเงินล้าน

"อินเดีย" จ่อมี "DeepSeek" ของตัวเองใน 4-5 ปี l การตลาดเงินล้าน
TNN ช่อง16
15 เมษายน 2568 ( 20:56 )
13

คุนาล บาห์ล นักลงทุนและผู้ก่อตั้งบริษัทร่วมลงทุน Titan Capital กล่าวว่าเมื่อพิจารณาจากความสำเร็จของอินเดียในการสร้างและปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลสาธารณะ การเกิดขึ้นของ DeepSeek ในอินเดียน่าจะเกิดขึ้นผ่านความร่วมมือแบบ Price-Public Partnershipในช่วง 4-5 ปีข้างหน้า

เมื่อเดือนตุลาคมปีที่แล้ว พิยุช โกยาล รัฐมนตรีกระทรวงพาณิชย์ของอินเดียเปิดเผยว่า กำลังเตรียมผลิตชิปตัวแรกภายใน 2 ปีข้างหน้า นอกจากนี้ ยังมีรายงานเมื่อต้นปีนี้ว่า Reliance Industries ของมหาเศรษฐี มูเกช อัมบานี กำลังดำเนินการสร้างศูนย์ข้อมูลที่ถูกคาดหวังว่าจะเป็นศูนย์ข้อมูลที่ใหญ่ที่สุดในโลกในรัฐคุชราต


โดยอินเดียได้รับการสนับสนุนจากธุรกิจเซมิคอนดักเตอร์ของสหรัฐฯ เช่น Micron และ AMD ที่ลงทุนในประเทศนี้ ขณะที่ เจนเซ่น หวง ซีอีโอของ Nvidia ก็เพิ่งเดินทางไปเยือนมุมไบในปี 2024 ซึ่งในระหว่างนั้นได้ประกาศความร่วมมือกับ Reliance Industries ด้านการวิจัยและพัฒนา AI พร้อมกับสัญญาว่า Reliance จะสามารถเข้าถึงชิป Blackwell ล่าสุดของ Nvidia ได้อีกด้วย

ดังนั้น บาห์ล เชื่อว่านวัตกรรม AI อาจจะพัฒนามาจากกลุ่มบริษัทขนาดใหญ่ของอินเดีย เช่น Reliance และ Tata ที่กำลังสร้าง LLM แบบหลายรูปแบบของตนเองสำหรับการใช้งานเฉพาะอุตสาหกรรม และ Reliance Jio, Tata Electronics, Adani Group, TCS และ Infosys ก็เป็นกลุ่มยักษ์ใหญ่ในอินเดียที่กำลังขยายธุรกิจแบบไฮเปอร์สเกลอย่างรวดเร็ว

สาเหตุหนึ่งที่ธุรกิจสหรัฐฯ เข้ามาลงทุนในอินเดียจำนวนมากก็เนื่องจากตลาดจีนถูกปิดกั้น บริษัทของสหรัฐฯ จึงตั้งเป้าที่จะช่วยสร้างระบบนิเวศ AI ของอินเดีย 

เมื่อต้นเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา แซม อัลท์แมน ผู้ก่อตั้งและซีอีโอของ OpenAI ก็ได้มาเยือนอินเดียและเข้าพบกับ อัชวินี ไวช์เนาว์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงไอที โดยไวช์เนาว์ได้โพสต์บน X ว่าทั้งสองได้หารือถึงความสนใจของ OpenAI ในการร่วมมือกันเพื่อบรรลุเป้าหมายของอินเดียในการสร้างสแต็ก AI ทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็น GPU โมเดล และแอป ขณะที่อินเดียเป็นตลาดใหญ่เป็นอันดับ 2 ของ OpenAI ในแง่ของผู้ใช้งานในปัจจุบัน

นอกจากนี้ บาห์ล เชื่อว่าโครงการของรัฐบาล เช่น ภารกิจ AI ของอินเดีย ที่จัดสรรเงิน 103,000 ล้านรูปี หรือประมาณ 41,155 ล้านบาท เป็นเวลา 5 ปี เพื่อเสริมสร้างศักยภาพ AI ของประเทศ จะมีบทบาทสำคัญเช่นกัน

ถึงแม้ว่าเงินทุนด้าน AI ของอินเดียจะเติบโตในขณะนี้ แต่ก็ยังคงต่ำกว่าสหรัฐฯ และจีนมาก อย่างไรก็ตาม แน่นอนว่าการเริ่มต้นไม่ได้รับประกันความเป็นผู้นำเสมอไป

นีล ชาห์ หุ้นส่วนและผู้ร่วมก่อตั้ง Counterpoint Research กล่าวกับ CNBC ว่า โมเดล AI ยังอยู่ในช่วงเริ่มต้นและยังคงเป็น Blue ocean อยู่ จึงมีโอกาสที่ผู้มาใหม่ในช่วงหลังจะยังสามารถครองตลาดได้

อย่างไรก็ตาม อาคิล กุปตา อดีตประธาน Blackstone India ชี้ว่ามีความเสี่ยงหนึ่งประการที่จะตามมาจากความก้าวหน้านี้ นั่นคือ AI จะมาแทนที่ตำแหน่งงานในภาคเทคโนโลยีของอินเดีย ในขณะที่อัตราการว่างงานยังคงสูงในประเทศ ดังนั้นการเพิ่มเครื่องมือเพิ่มผลผลิต เช่น AI อาจมีความเสี่ยงที่จะทำให้ตลาดแรงงานของอินเดียที่อ่อนแอได้

ยอดนิยมในตอนนี้

แท็กยอดนิยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง