ผลศึกษาพบโควิด-19 วิวัฒนาการตามธรรมชาติ ระบาดกว้างกว่าที่คิด
นิวยอร์ก, 3 มี.ค. (ซินหัว) -- หนังสือพิมพ์สหรัฐฯ รายงานผลการศึกษาใหม่ ซึ่งชี้ว่าโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) มีวิวัฒนาการตามธรรมชาติ และมีอัตราการแพร่ระบาดสูงกว่าที่คาดมาก
"ผลการศึกษาล่าสุดอย่างน้อย 4 ฉบับ ระบุว่าเชื้อไวรัสโคโรนาเกี่ยวข้องกับเชื้อไวรัสโคโรนาที่ระบาดในค้างคาวและตัวนิ่มในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และญี่ปุ่น บ่งชี้ว่าเชื้อโรคเหล่านี้แพร่ระบาดในวงกว้างกว่าที่คาดและมีโอกาสวิวัฒนาการสูง" เดอะวอลล์สตรีทเจอร์นัล (WSJ) ระบุเมื่อวันจันทร์ (1 มี.ค.)
ผลการศึกษาอีกฉบับพบว่าการเปลี่ยนแปลงของกรดอะมิโน ซึ่งเป็นสารประกอบของโปรตีน ในโปรตีนหนามของเชื้อไวรัสโคโรนา ทำให้เชื้อไวรัสฯ สามารถแพร่เชื้อสู่เซลล์มนุษย์ได้
"งานวิจัยล่าสุดเป็นหลักฐานเพิ่มเติมที่ยืนยันว่าเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (SARS-CoV-2) มีต้นกำเนิดมาจากค้างคาวและมีวิวัฒนาการตามธรรมชาติก่อนจะแพร่ระบาดสู่มนุษย์ โดยคาดว่ามีการแพร่เชื้อผ่านสัตว์ตัวกลางอีกชนิด"
หนังสือพิมพ์ระบุว่าผลการศึกษาเหล่านี้เป็นเหตุผลที่คณะผู้เชี่ยวชาญ ซึ่งนำโดยองค์การอนามัยโลก (WHO) เสาะหาข้อมูลและหลักฐานในประเทศอื่นๆ หลังลงพื้นที่ตรวจสอบในนครอู่ฮั่น เมืองเอกของมณฑลหูเป่ยทางตอนกลางของจีน เสร็จสิ้นเมื่อเดือนกุมภาพันธ์
คณะผู้เชี่ยวชาญขององค์การฯ ประกอบด้วยผู้เชี่ยวชาญจากออสเตรเลีย เดนมาร์ก เยอรมนี ญี่ปุ่น เนเธอร์แลนด์ กาตาร์ รัสเซีย สหราชอาณาจักร สหรัฐฯ และเวียดนาม เดินทางถึงอู่ฮั่นเมื่อวันที่ 14 ม.ค. เพื่อร่วมงานกับคณะนักวิทยาศาสตร์จีนในการสืบหาต้นตอของเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่
หลังจากผ่านไปหนึ่งเดือน คณะผู้เชี่ยวชาญทำการวิจัยเสร็จสิ้นช่วงต้นเดือนกุมภาพันธ์ และแสดงผลการศึกษาเบื้องต้นระหว่างงานแถลงข่าวที่จัดขึ้นในจีน ตัดความเป็นไปได้ของข้อสมมติฐานที่ว่าเชื้อไวรัสฯ หลุดออกมาจากห้องทดลอง พร้อมเรียกร้องทุกฝ่ายดำเนินการโดยยึดหลักทางวิทยาศาสตร์