รีเซต

เปิดมุมมอง 3 โบรกฯ ส่องกลยุทธ์ลงทุน พร้อมเสิร์ฟหุ้นเด่นวันนี้

เปิดมุมมอง 3 โบรกฯ ส่องกลยุทธ์ลงทุน พร้อมเสิร์ฟหุ้นเด่นวันนี้
ทันหุ้น
20 พฤษภาคม 2565 ( 09:25 )
67
เปิดมุมมอง 3 โบรกฯ ส่องกลยุทธ์ลงทุน พร้อมเสิร์ฟหุ้นเด่นวันนี้

#SET #ทันหุ้น - บล.เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ระบุ SET Index  ปิดที่ระดับ 1605.98 จุด (-14.35 จุด) การฟื้นตัวไม่ใช่ลักษณะ V-shape โดยรอบนี้ต้องรอการผ่านแนวต้าน 1620 จุด เพื่อดึงสัญญาณเชิงบวกกลับเข้ามาอีกครั้ง มิฉะนั้นความเสี่ยงการชะลอตัวลงต่อยังมีอยู่

 

ประเมินแนวรับ 1590 / 1580 แนวต้าน 1620 / 1643

 

รอผ่าน 1620 จุด Follow buy ตามอีกครั้ง

 

**บล.ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) ส่องแนวโน้มตลาดวันนี้ คาด SET Index จะแกว่งตัว Sideways บริเวณ 1,600-1,610 จุด โดยกลุ่มพลังงานอาจหนุนตลาดได้บ้างจากราคาน้ำมันดิบทื่ฟ้นตัวและข่าวโรงกลั่นในเกาหลีใต้ระเบิด อย่างไรก็ตามภาพรวมยังไม่มีปัจจัยใหม่ที่ชัดเจนเข้ามากระตุ้น ตลาดยังคง Monitor ประเด็นเงินเฟ้อที่สูงและเริ่มกระทบกำไรบริษัทจดทะเบียนและเศรษฐกิจสหรัฐฯ และมีแนวโน้มเห็นผลในภูมิภาคยุโรปด้วยเช่นกัน ซึ่งเข้าข่ายภาวะ Stagflation และไม่เป็นผลดีต่อตลาดหุ้น 

 

ขณะที่เศรษฐกิจไทยเชื่อว่าจะเห็นผลกระทบบางส่วนชัดขึ้นใน 2Q22 เช่นกันจากราคาน้ำมันที่แพงและทำให้ภาครัฐจำเป็นต้องตรึงราคาดีเซลต่อไปถึงเดือน ก.ค. 22 อย่างไรก็ตามยังมีปัจจัยบวกระยะยาวช่วยชดเชยได้บ้างจากการเปิดประเทศเต็มรูปแบบใน 2H22 หนุนจำนวนนักท่องเที่ยวฟื้น แต่จากนโยบายการเงินทั่วโลกที่ตึงตัวและสภาพคล่องที่จะทยอยลดลง กลยุทธ์เราจึงยังคงเน้นลงทุนหุ้น Value Play ที่มี PER/PBV ต่ำและมีแนวโน้มกำไร 2Q22 ที่แข็งแรงต่อเนื่องซึ่งคาดปรับตัวได้แข็งแกร่งกว่าตลาด สำหรับการลงทุนระยะกลาง-ยาวยังไม่แนะนำเพิ่มพอร์ตหลังให้สะสมไปแล้วบริเวณ 1,600+- จุด 

 

กลยุทธ์ : เน้นลงทุนหุ้น Value Play ที่แนวโน้มกำไร 2Q22-2H22 แข็งแกร่ง 

หุ้นเด่นเดือนพ.ค. : GFPT, ILINK, SAPPE, SMT, TH

 

หุ้นเด่นวันนี้ : SNC

• แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมายเบื้องต้น 25 บาท

• โมเมนตัมกำไร 2Q22 อาจอ่อนตัว Q-Q จากปัจจัยฤดูกาลโดยเฉพาะฝั่งลูกค้าชาวจีน แต่คาดยังเห็นการเติบโตที่โดดเด่น Y-Y จากจำนวนลูกค้าและคำสั่งผลิตเร่งตัวจากปีก่อนหนุนรายได้โตแกร่งและได้อานิสงส์จาก Operating Leverage 

• เบื้องต้นเรายังประเมินกำไรปี 2022 เติบโตราว 25-30% Y-Y ราคาหุ้นปัจจุบันเทรด PER ต่ำกว่า 10 เท่า และคาดให้ Dividend Yield ราว 5.5% 

• แนวรับ 19.70 บาท แนวต้าน 20.60//21 บาท

 

**บล.เคทีบีเอสที จำกัด (มหาชน) คาดดัชนีฯ อาจจะมีการ rebound ให้เห็น ภาพรวมตลาดยังกังวลกับเงินเฟ้อ อาจจะทำให้มีแรงขายอยู่บ้าง สถานการณ์ยูเครน-รัสเซีย ไม่ได้ดูแย่ลง ขณะที่จีนจะมีการซื้อน้ำมันดิบของรัสเซีย และการทำสงครามด้วยอาวุธ และการค้าของยูเครน-รัสเซีย-ประเทศอื่น ๆ ก็ยังคงดำเนินต่อ 

 

จีนเริ่มมีข่าว  การจะอัดฉีดเงินเข้าสู่ระบบกระตุ้นเศรษฐกิจ$5 ล้านล้านเหรียญสหรัฐฯ หลังจากการล็อกดาวน์ หากสามารถทำได้เศรษฐกิจจะกลับมาฟื้นตัวได้เร็วขึ้น ดีต่อตลาด

 

วันนี้จะมีการประชุม ศบค. ในการปรับโซนสีพื้นที่ รวมถึงการพิจารณาการเปิดผับ บาร์ หากสามารถเปิดได้จะดีต่อหุ้นกลุ่มที่ผลิตขวดบรรจุภัณฑ์ (BJC, BGC)

 

การยกเลิก ban การส่งออกน้ำมันปาล์มของอินโดนีเซีย เรามองว่าข่าวนี้จะเป็นลบต่อหุ้นกลุ่มผู้ปลูกปาล์ม ที่ราคาปรับตัวขึ้นมาช่วงที่ผ่านมา (UPOIC, UVAN, CPI)

 

การเมืองไทยที่เริ่มมีการชุมนุมในจุดต่าง ๆ  อาจจะเข้ามารบกวนบรรยากาศภาพรวมของตลาดอยู่บ้าง ยังคงต้องติดตามการเคลื่อนไหว หรือความรุนแรงที่จะกระทบต่อภาพลักษณ์ของรัฐบาล

 

หุ้นขึ้น XD วันนี้ ได้แก่ JASIF(@0.23), SPRIME(@0.149), TSTH(@0.05) และหุ้น PLUS ราคา IPO@4.50 เข้าเทรดวันนี้เป็นวันแรกใน SET

 

ตัวเลขเศรษฐกิจวันนี้ คือ ความเชื่อมั่นผู้บริโภค เดือน พ.ค. ของอียู ตัวเลขเงินทุนสำรองระหว่างประเทศของไทย และประชุมการค้าระหว่างไทย-สหรัฐฯ

 

ฝ่ายวิจัยมองวันนี้ น่าจะมีการ rebound เพราะถ้าดูดีๆ การอ่อนตัวลงของตลาดหุ้นสหรัฐฯ 2 วันที่ผ่านมา ไม่เกี่ยวโดยตรงกับตลาดไทย อย่างไรก็ตาม เรายังคงแนะนำเก็งกำไรช่วงสั้นๆไปก่อน จนกว่าตลาดหุ้นทั่วโลก จะนิ่งมากกว่านี้

 

เช่นเดียวกับวันก่อน กำไรตลาดหุ้นที่ออกมาดี ค่า P/E ไม่สูง (18x) ทำให้เราดูปลอดภัยพอควร เรามองว่าโดยรวมๆ ควรถือหุ้นไว้ก่อน ส่วนการเลือก sector หรือธุรกิจ น่าสนใจ เรามองหุ้นที่ได้ประโยชน์จากการเปิดเมือง อาทิ AOT, CRC ไว้

 

Copy trade หุ้นฝรั่งซื้อมาก AOT

 

หุ้นในพอร์ตวันนี้ นำ  IVL  ออก และเพิ่ม  AOT, BANPU เข้ามาแทน หุ้นในพอร์ตประกอบด้วย AOT(10%), BANPU(10%), GUNKUL(10%), KTB(10%),  LEO(10%) , BGRIM(10%), CRC(10%)

 

Strategy Stock Pick

AOT: (เป้าเชิงกลยุทธ์ 72.00 บาท) “นักท่องเที่ยง-การเดินทางฟื้นต่อเนื่อง รับการปรับมาตรโควิด”

•จำนวนผู้โดยสารระหว่างประเทศฟื้นต่อเนื่อง ทั่วโลกผ่อนคลายนโยบายการเดินทาง ไทยลุ้นปรับโควิด-19 เป็นโรคประจำถิ่นเร็วกว่าคาด

•จับตาการปรับมาตรการ Thailand Pass ยิ่งปลดล็อคเร็ว ต่างชาติยิ่งเข้าเร็ว (พร้อมเข้ามามาก) สำหรับปี 22/23 คาดผู้โดยสารที่ 41 ล้านคน และ 90 ล้านคน ตามลำดับ

•KTBST ประเมินผลการดำเนินงานปี 2022 ขาดทุนที่ 1.07 หมื่น ลบ. และปี 2023 ที่ 6.79 พัน ลบ. พลิกจากขาดทุนในปีนี้

 

Technical : WICE, KAMART

 

 

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง