อดีตผู้สมัคร สส.พรรคพปชร.แจ้งจับกลุ่มจัดงานชุมนุมใน มธ.หมิ่นสถาบันพระมหากษัตริย์
ปทุมธานี อดีตผู้สมัคร สส.พรรคพปชร.แจ้งจับกลุ่มจัดงานชุมนุมใน มธ.หมิ่นสถาบันพระมหากษัตริย์ ด้านกลุ่มรักแผ่นดินเกิดจี้ผู้บริหาร มธ.ขอพระราชทานอภัยโทษ
เมื่อเวลา 10.30 น.วันที่ 13 ส.ค. ที่ สภ.คลองหลวง อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี นายสนธิญา สวัสดี อดีตผู้สมัครพรรค พปชร. เดินทางมาเข้าพบ พ.ต.ท.สุชัย แสงส่อง รองผกก.สอบสวนสภ.คลองหลวง เพื่อร้องทุกข์กล่าวโทษผู้จัดการชุมนุม”ธรรมศาสตร์ จะไม่ทน” เมื่อวันที่ 10 ส.ค.ที่ผ่านมา โดยมีเนื้อหาในการชุมนุมที่หมิ่นสถาบันพระมหากษัตริย์
นายสนธิญา สวัสดี กล่าวว่า ตนที่เองเดินทางมาที่สภ.คลองหลวงในวันนี้ประเด็นที่ 1 การชุมนุมในขณะนี้นั้นไม่ได้เป็นไปตามระบอบประชาธิปไตย เห็นได้จากการชุมนุมเมื่อวันที่ 10 ส.ค.63 ในมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิตที่ผ่านมาและกรณีที่มีอาจารย์ 105 ท่านออกมาสนับสนุนข้อเรียกร้องการชุมนุมของนักศึกษาโดยอ้างรัฐธรรมนูญมาตรา 34 ซึ่งรัฐธรรมนูญมาตรา34นั้นเป็นเรื่องสิทธิและเสรีภาพเกี่ยวกับการพูด อ่าน เขียน หรือการสื่อสารใดๆก็ตามก็จะมีกฎหมายที่บังคับอยู่ในประเด็นนั้นอยู่แล้ว แต่สิ่งที่ผมชี้ให้เห็นว่าคันลองระบบประชาธิปไตย เมื่อก่อนนี้ในการชุมนุมของนิสิตนักศึกษา หรือบุคคลใดก็ตามก็จะอ้างถึงสิทธิและเสรีภาพ ตามประมวลกฎหมายรัฐธรรมนูญมาตรา 25 ที่มีสิทธิความเป็นมนุษย์ในการชุมนุม
แต่ในวันนั้นการชุมนุมไปถึงระดับหนึ่งการชุมนุมไปละเมิดสิทธิบุคคลอื่น และไม่เคารพกฎหมายมากมาย จึงทำให้การชุมนุมนั้นไม่ได้เป็นไปตามกระบวนการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตรเป็นประมุข และประเด็นต่อไปตนเชื่อว่าหากมีการชุมนุมขึ้นอีกในวันข้างหน้าก็จะมีข้อเรียกร้องใหม่ขึ้นมาและเหตุผลการยุบสภาก็จะเป็นอีกเหตุผลหนึ่งในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ และการละเมิดบุคคลอื่นก็จะเป็นอีกเหตุหนึ่งเช่นกัน และก็จะให้นายกรัฐมนตรีลาออกจากตำแหน่งทางการเมือง และการชุมนุมเมื่อวันที่ 10 ส.ค.63 ที่ผ่านมาเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมายอาญามาตรา108 ว่าด้วยผู้ใดกระทำการต่อประทุษร้ายต่อพระองค์ หรือเสรีภาพของพระมหากษัตริย์ ต้องระวางโทษประหารชีวิต หรือจำคุกตลอดชีวิต ตนก้อยากให้เจ้าหน้าที่ตำรวจไปดูว่าการชุมนุมในวันนี้ผู้ที่ปราศรัยได้ไปละเมิดพระองค์ใดบ้าง และยังมีประเด็นอื่นๆอีก และเงินที่นำมาจัดการชุมนุมในครั้งนี้นั้นได้มาจากที่ใดมาจากต่างประเทศหรือไม่ เพราะว่าขณะการชุมนุมขณะนี้นั้นจะมีเจ้าหน้าที่ทูตของต่างประเทศเข้ามาสังเกตการณ์
ตนไม่อยากให้ประเทศไทยเหมือนกับประเทศซีเรียที่มีสงครามกลางเมือง เพราะการแบ่งแยกในประเทศของตนเอง และไม่ว่าผู้ชุมนุมทั้งหมดในคืนวันที่ 10 ส.ค.63 หรือนำคลิปของคุณปวิน ผู้ลี้ภัยในเรื่องของการหมิ่นพระบรมเดชานุภาพในต่างประเทศ และเองคลิปของคุณปวินไปเปิดเผย ตนเองเห็นด้วยกับการชุมนุม แต่ต้องไม่ละเมิดสิทธิบุคคลอื่น และจาบจ้วงสถาบันพระมหากษัตริย์ และอยากให้เจ้าหน้าที่ตำรวจสอบสวน เจ้าของเวลาที่ผู้ที่จัดงานทั้งหมดเพื่อที่จะนำตัวมาดำเนินคดีต่อไป
ต่อมาเมื่อเวลา 14.30 น. นายบัญชา บุญพยง หัวหน้ากลุ่มรักแผ่นดินเกิด และสมาชิกกว่า 30 คน ได้เดินทางมาเข้าพบ พ.ต.อ. ศิวาพัชญ์ สนิทนวนธนรัฐ ผกก.สอบสวน สภ.คลองหลวง พร้อมกับยื่นหนังสือ โดยมีข้อเรียกร้องว่า
ข้าพเจ้าในฐานะตัวแทนของกลุ่มรักแผ่นดินเกิดใคร่ขอเรียกร้องต่อ นางเกศินี วิฑูรชาติ อธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และนายปริญญา เทวานฤมิตรกุล รองอธิการบดี ว่า เหตุการณ์ที่ลานพญานาค มหาวิทยลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต เมื่อวันที่ 10 สิงหาคม 2563 การชุมนุมมีการปราศรัยในเนื้อหาที่จาบจ้วงล่วงละเมิดต่อสถาบันพระมหากษัตริย์อันเป็นที่รักยิ่งและเคารพสักการะสูงสุดของปวงชนชาวไทยซึ่งผู้ใดจะกล่าวหาและล่วงละเมิดมิได้ ทำให้เกิดผลกระทบต่อความรู้สึกของประชาชนและมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์เป็นอย่างมากต่อชื่อเสียงของมหาวิทยลัยธรรมศาสตร์ ก่อให้เกิดผลกระทบและสร้างความแตกแยก ความสามัคคี และสร้างความวุ่นวายปั่นป่วนหรือกระด้างกระเดื่องในหมู่ประชาชนของชาติ
ซึ่งท่านในฐานะอธิการบดี และรองอธิการบดี ผู้อนุญาตให้ใช้สถานที่จัดการชุมนุม ทราบและรับรู้ถึงพฤติกรรมในการปราศรัยของกลุ่มผู้ชุมนุม แต่ไม่ระงับยับยั้ง กลับปล่อยให้มีการปราศรัยจาบจ้วงล่วงละเมิด ลิดรอนพระราชอำนาจ ลิดรอนสิทธิเสรีภาพของสถาบันพระมหากษัตริย์อันเป็นที่เคารพสักการะของปวงชนชาวไทย ถือได้ว่าท่านทั้งสองเป็นผู้สนับสนุนในการกระทำความผิดดังกล่าวข้างต้น นอกจากท่านทั้งสองจะต้องเป็นผู้รับผิดชอบที่ปล่อยให้เกิดเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้นแล้ว ท่านทั้งสองจะกระทำแต่เพียงการออกมาชี้แจงแสดงความเสียใจ ขออภัยและขอโทษต่อประชาชนในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเท่านั้นมิได้
กลุ่มรักแผ่นดินเกิด ขอเรียกร้อง ท่านอธิการบดีและรองอธิการบดี ควรแสดงความรับผิดชอบอย่างสูงสุดด้วยการกราบขอพระราชทานอภัยโทษต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ อันเป็นที่เคารพสักการะของปวงชนชาวไทย และควรลาออกจากตำแหน่งอธิการบดีและรองอธิการบดี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และ ตำแหน่งในระดับผู้บริหารอื่นใดทั้งหมดของมหาวิทยลัยธรรมศาสตร์ เพื่อธำรงไว้ซึ่งวัตถุประสงค์และปณิธาอีกทั้งรักษาชื่อเสียงของมหาวิทยาลัย ที่เป็นสถานศึกษาทางวิชาการ และวิชาชีพชั้นสูง อันมีวัตถุประสงค์และปณิธนตามมาตร 7 ของพระรชบัญญัติมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ พ.ศ. 2558 ซึ่งจะต้องเป็นไปตามแนวทางต้องดีงาม และพึงปรารถนา อีกทั้งมีสำนึกรับผิดชอบต่อสังคมและประเทศชาติ โดยวัตถุประสงค์และปณิธนดังกล่าวนี้ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ต้องดำเนินการโดยยึดหลักความรับผิดของการชุมชุน สังคมและประเทศชาติและอื่นๆ ตามมาตรา 8 ของพระราชบัญญัติดังกล่าวนี้ด้วย