รีเซต

ทีโอเอ เปิดตัว “TOA Organic Care” นวัตกรรมสีทาบ้านจากพืช ปลอดภัยและเป็นมิตรต่อโลก

ทีโอเอ เปิดตัว “TOA Organic Care” นวัตกรรมสีทาบ้านจากพืช ปลอดภัยและเป็นมิตรต่อโลก
มติชน
3 ธันวาคม 2564 ( 17:04 )
40
ทีโอเอ เปิดตัว “TOA Organic Care” นวัตกรรมสีทาบ้านจากพืช ปลอดภัยและเป็นมิตรต่อโลก

จตุภัทร์ ตั้งคารวคุณ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทีโอเอ เพ้นท์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า จากสถานการณ์เผชิญกับวิกฤตการแพร่ระบาดของโควิด-19 ทำให้พฤติกรรมการใช้ชีวิตเปลี่ยนไป จากชีวิตวิถีใหม่แบบ “New Normal” จนกลายมาเป็น “Now Normal” ปรับตัวการใช้ชีวิตได้อย่างเป็นปกติและมีความสุข ควบคู่กับการใส่ใจเรื่องสุขภาพ การใช้ชีวิตในบ้านและการดูแลสิ่งแวดล้อมที่เพิ่มมากขึ้น ทีโอเอ จึงพัฒนานวัตกรรมเพื่อตอบโจทย์ความปลอดภัยภายในบ้าน และความปลอดภัยต่อสิ่งแวดล้อมหรือโลกที่เราอยู่อาศัย โดยเปิดตัว สี TOA Organic Care สีทาภายในที่พัฒนาขึ้นด้วยเทคโนโลยี Bio-Based รายแรกและรายเดียวในประเทศไทยที่ผ่านการรับรองมาตรฐานจาก USDA สหรัฐอเมริกา

 

TOA ได้พัฒนาเทคโนโลยีนี้ร่วมกับบริษัทเคมีชั้นนำระดับโลกจากสหรัฐอเมริกา ด้วยการนำเอาส่วนประกอบจากพืชมาพัฒนาเพื่อใช้ทดแทนวัตถุดิบจากปิโตรเคมี โดยยังให้คุณภาพความคงทนของฟิล์มสีที่ยอดเยี่ยม และที่สำคัญคือให้คุณสมบัติด้านความปลอดภัยที่เหนือกว่า กลิ่นอ่อนมาก สารระเหย VOCs 0% ไร้สารก่อภูมิแพ้ตามมาตรฐาน Sensitive Choice ออสเตรเลีย ช่วยลดสารฟอร์มัลดีไฮด์ในอากาศด้วยเทคโนโลยี Air Detoxify ผ่านมาตรฐาน LEED V4.1 USA และมาตรฐานอาคารสีเขียว จึงปลอดภัยต่อทุกชีวิตในบ้านและยังเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม นอกจากนี้ยังให้คุณภาพความทนทานและการเช็ดล้างที่ยอดเยี่ยม นี่คือความมุ่งมั่นที่ TOA พร้อมสร้างสรรค์สิ่งที่ดีกว่าให้กับทุกคนและโลกใบนี้ โดยเลือก หมอโอ๊ค-สมิทธิ์ อารยะสกุล เป็นพรีเซนเตอร์ของผลิตภัณฑ์ใหม่นี้ ในฐานะเป็นผู้ที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญด้านสุขภาพ และยังเป็นตัวแทนของครอบครัวคนรุ่นใหม่ที่ใส่ใจต่อคุณภาพชีวิตของทุกชีวิตและสิ่งแวดล้อม ซึ่งเป็นคอนเซ็ปต์เดียวกันกับสินค้าและแบรนด์ TOA

 

สำหรับทิศทางการตลาดของผลิตภัณฑ์ TOA นันทพล บุญเหลือ ผู้อำนวยการสายงานการตลาด บริษัท ทีโอเอ เพ้นท์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า TOA จะมุ่งเน้นการพัฒนาสินค้าและนวัตกรรมใน 3 ด้านคือ 1. ด้านคุณภาพการใช้งานที่ต้องดีกว่า ทนทานกว่า คุ้มค่ากว่า เพื่อประโยชน์โดยตรงต่อผู้บริโภค 2. ตอบโจทย์ปัญหาการใช้งาน (Pain point) ของบ้าน การก่อสร้างและอุตสาหกรรมต่างๆ ให้ครอบคลุมมากขึ้น และ3. พัฒนาสินค้าที่มีอยู่และสินค้าใหม่ๆ ให้เกิดความปลอดภัยและความยั่งยืนต่อชีวิตและสิ่งแวดล้อม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง