ครม. เห็นชอบให้มีการเรียกประชุมรัฐสภาสมัยวิสามัญ ตั้งแต่ 19 มิถุนายน 2567
วันนี้ (21 พฤษภาคม 2567) นางสาวเกณิกา อุ่นจิตร์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุม คณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบร่างพระราชกฤษฎีกาเรียกประชุมสมัยวิสามัญแห่งรัฐสภา พ.ศ. .... (ตั้งแต่วันที่ 19 มิถุนายน 2567) และ ร่างพระราชกฤษฎีกาปิดประชุมสมัยวิสามัญแห่งรัฐสภา พ.ศ. .... (โดยยังมิได้ระบุวันที่ปิดประชุม) ตามที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี (สลค.) เสนอ
รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ตามที่ได้มีพระราชกฤษฎีกาปิดประชุมรัฐสภาสมัยประชุมสามัญประจำปีครั้งที่สอง พ.ศ. 2567 ตั้งแต่วันที่ 10 เมษายน 2567 ประกอบกับสมัยประชุมสามัญประจำปีครั้งที่หนึ่ง ปีที่ 2 จะเริ่มวันที่ 3 กรกฎาคม 2567 – 30 ตุลาคม 2567 แต่โดยที่คณะรัฐมนตรีจะต้องเสนอร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 เพื่อสภาผู้แทนราษฎรพิจารณาในวาระที่ 1 ในวันที่ 19 – 20 มิถุนายน 2567 ตามปฏิทินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568
คณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบ (7 พฤษภาคม 2567) โดยเป็นระยะเวลาที่อยู่นอกสมัยประชุมสามัญประจำปีครั้งที่หนึ่ง ซึ่งรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยมาตรา 122 วรรคสามและวรรคสี่ บัญญัติให้เมื่อมีความจำเป็นเพื่อประโยชน์แห่งรัฐ พระมหากษัตริย์ จะทรงตราพระราชกฤษฎีกาเรียกประชุมรัฐสภาเป็นการประชุมสมัยวิสามัญก็ได้ ซึ่งการดำเนินการร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 มีความจำเป็นเพื่อประโยชน์แห่งรัฐ และที่ผ่านมาได้มีพระราชกฤษฎีกาเรียกประชุมสมัยวิสามัญแห่งรัฐสภาเพื่อพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณหรือเรื่องที่เกี่ยวกับกิจการอันเป็นอำนาจหน้าที่ของรัฐสภา
ดังนั้น เพื่อให้เป็นไปตามมติคณะรัฐมนตรีวันที่ 7 พฤษภาคม 2567 จึงเห็นสมควรให้มีการเรียกประชุมรัฐสภาสมัยวิสามัญ ตั้งแต่วันที่ 19 มิถุนายน 2567 ตามนัยบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยดังกล่าว ทั้งนี้ ที่ผ่านมาการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 สภาผู้แทนราษฎรได้พิจารณาในสมัยประชุมสามัญประจำปีครั้งที่สองตั้งแต่วันที่ 3 มกราคม 2567 ถึงวันที่ 5 มกราคม 2567 (รวม 3 วัน)
ดังนั้น เพื่อให้การพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 เป็นไปด้วยความเรียบร้อย สำหรับวันปิดประชุมสมัยวิสามัญแห่งรัฐสภานั้น เห็นสมควรให้คณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรรับไปพิจารณาแล้วแจ้งผลให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีทราบโดยด่วน ก่อนนำร่างพระราชกฤษฎีกาดังกล่าวขึ้นทูลเกล้าฯ ถวาย ต่อไป
ภาพจาก รัฐบาลไทย