รีเซต

ORน้ำมันเจ็ทมาแรง ขยายปั๊มโกยยอด

ORน้ำมันเจ็ทมาแรง ขยายปั๊มโกยยอด
ทันหุ้น
22 กุมภาพันธ์ 2566 ( 07:19 )
205
ORน้ำมันเจ็ทมาแรง ขยายปั๊มโกยยอด

#OR #ทันหุ้น  - OR ประกาศชัดยอดขายน้ำมันปีนี้โต ท่องเที่ยวเด่นความต้องการใช้น้ำมันอากาศยานฟื้นแรง มาร์เก็ตแชร์สูง เดินหน้าขยายปั๊มอีก 122 แห่ง ทุ่มงบ 3.1 หมื่นล้านบาท ลงทุนธุรกิจไลฟ์สไตล์มีโอกาสซื้อกิจการแต่ต้องเน้นคุณภาพ พร้อมต่อยอดห่วงโซ่ยานยนต์ไฟฟ้า ติดตั้งที่ชาร์จอีวีเพิ่มอีก 500 จุดปีนี้ ติดโซลาร์รูฟในปั๊มครบ 400 แห่ง จับตาขยายลงทุนนอก

 

นายดิษทัต ปันยารชุน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ OR เปิดเผยว่า ปีนี้จะเห็นการเติบโตของยอดขายขึ้นจากปีก่อน ตามความต้องการน้ำมันที่สูง จากกิจกรรมการเดินทางที่มากขึ้น ทั้งในส่วนของน้ำมันแก๊สโซลีน และดีเซล นอกจากนี้ยังเห็นสัญญาณน้ำมันมันอากาศยาน(JetA1) มีความต้องการเพิ่มขึ้น ตามจำนวนนักท่องเที่ยวที่เดินทางมากขึ้น โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจีน

 

ซึ่งสัดส่วนมาร์เก็ตแชร์ยอดขายน้ำมันอากาศยานของ OR ปัจจุบันอยู่ที่ประมาณ 49%ราว 1,600 ล้านบาท จากมูลค่าตลาดรวมที่อยู่ที่ 3,200 ล้านบาท ดังนี้ปีนี้บริษัทเติบโตจากน้ำมันเจ็ทค่อนข้างมาก

 

@ดีมานด์น้ำมันเติบโต

 

นายดิษทัต  ประเมินว่ายอดขายน้ำมันจะกลับมาดีขึ้นมากในช่วงไตรมาส 2/2566และจะกลับเข้าสู่ช่วงปกติใกล้เคียงกับช่วงเกิดโควิดในครึ่งปีหลัง 2566 และจะยังสูงต่อเนื่องอย่างมากในปีหน้า

 

ส่วนยอดขายจะต้องขึ้นอยู่กับทิศทางราคาน้ำมันดิบดูไบ โดยทางกลุ่มปตท. ได้ประเมินแนวโน้มราคาน้ำมันดิบดูไบในปีนี้จะเฉลี่ยอยู่80-87 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล จากปี 2565 เฉลี่ยอยู่ที่ 96 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล

 

@เดินหน้าลงทุน

 

บริษัทวางงบลงทุนรวมปี (2566-2570) ที่ 101,500 ล้านบาท โดยจะใช้สำหรับกลุ่มธุรกิจ Mobility จำนวน 30.9% กลุ่มธุรกิจ Lifestyle จำนวน 33.3% กลุ่มธุรกิจ Global จำนวน 16.2% และInnovation และNew Business ราว 19.6%

 

สำหรับทิศทางการดำเนินธุรกิจในปี 2566 บริษัทยังมุ่งมั่นสานต่อและผลักดันวิสัยทัศน์ “Empowering All Toward Inclusive Growth” ให้เกิดผลลัพธ์อย่างเป็นรูปธรรม โดยได้เตรียมงบลงทุนจำนวน 31,197 ล้านบาท มุ่งเน้นการขยายและสร้างความแข็งแกร่งของ Business Value Chain ของ กลุ่มธุรกิจ Lifestyle

 

โดยจัดสรรงบประมาณจำนวน 14,193 ล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วนประมาณ 45% ของงบลงทุน สำหรับขยายสาขาร้าน Café Amazon โดยวางแผนที่จะขยายเพิ่ม 400 แห่ง ที่ผ่านมามีการเติบโตได้ดีกว่า 2 ดิจิต ในช่วง 8-9 ปีที่ผ่านมาคาดว่าปีนี้จะเติบโตได้ในอัตราเดียวกัน

 

และร้าน Texas Chicken ราว 12 แห่ง  รวมไปถึงการแสวงหาพันธมิตรและการลงทุนใหม่ ๆ เพื่อตอบโจทย์การใช้ชีวิตทุกรูปแบบ นอกจากธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม (F&B) บริษัทยังให้ความสำคัญในกลุ่มธุรกิจด้าน Health & Wellness และ Tourism ด้วย

 

ส่วนกลุ่มธุรกิจ Mobility มุ่งรักษาความเป็นผู้นำใน Mobility Ecosystem ทั้งในแง่การขยายสาขา PTT Station จำนวน 122 แห่ง  และ EV Station PluZ  จำนวน 500 แห่ง เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่มีจำนวน 300 แห่ง รวมถึงการผลักดันให้เกิดความร่วมมือในธุรกิจ EV ของกลุ่ม ปตท. อย่างเป็นระบบ รวมไปถึงการลงทุนใน Green Energy เพื่อเตรียมพร้อมกับการเปลี่ยนแปลงของแหล่งพลังงาน ตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคอย่างครอบคลุม ไม่ว่าจะต้องการพลังงานชนิดใดสำหรับการเดินทาง เพื่อให้การเปลี่ยนผ่านการใช้พลังงานเป็นไปอย่างไร้รอยต่อ โดยจัดสรรงบประมาณจำนวน 6,799 ล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วนประมาณ 22% ของงบลงทุน

 

@จับตาตลาดต่างประเทศ

 

สำหรับ กลุ่มธุรกิจ Global ยังคงมุ่งขยายการลงทุนในการเปิด PTT Station และ Café Amazon ผ่านบริษัทในเครือในต่างประเทศ เพื่อสร้างความแข็งแกร่งในประเทศที่ OR ได้เข้าไปดำเนินการแล้ว พร้อมแสวงหาโอกาสในการลงทุนในประเทศใหม่ๆ ที่มีศักยภาพ โดยจัดสรรงบประมาณจำนวน 4,954 ล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วนประมาณ 16% ของงบลงทุน ส่วนกลุ่มธุรกิจ OR Innovation มุ่งแสวงหาธุรกิจใหม่เพื่อต่อยอดธุรกิจในปัจจุบัน โดยกำหนดหลักเกณฑ์ด้านสังคม สิ่งแวดล้อม ควบคู่กับการดำเนินธุรกิจ เพื่อให้ OR เพื่อเป็นต้นแบบขององค์กรสมัยใหม่

 

นอกจากนี้ ยังมีการลงทุนในนวัตกรรมเพื่อพัฒนาโมเดลทางธุรกิจใหม่ๆ ให้สอดคล้องกับสถานการณ์ของโลกที่เปลี่ยนแปลงไป โดยจัดสรรงบประมาณจำนวน 5,251 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนประมาณ 17% ของงบลงทุน  ทั้งนี้ในส่วนของการที่จะเข้าลงทุนใหม่ๆ บริษัทจะเน้นในเรื่องของการลงทุนที่ต้องเป็นการลงทุนที่มีคุณภาพ และต่อยอด Value Chain ของบริษัทได้ด้วย สร้างมูลค่าเพิ่ม

 

ทั้งนี้ OR ยังให้ความสำคัญกับสร้างอนาคตที่ยั่งยืนผ่าน SDG ในแบบฉบับของ OR เพื่อตอบโจทย์เป้าหมาย OR 2030 ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งประกอบไปด้วย S – SMALL โอกาสเพื่อคนตัวเล็ก D – DIVERSIFIED โอกาสเพื่อการเติบโตทุกรูปแบบ และ G – GREEN โอกาสเพื่อสังคมสะอาด โดยล่าสุด OR ได้รับการคัดเลือกจาก S&P Global ให้อยู่ในทำเนียบธุรกิจที่มีความยั่งยืน “The Sustainability Yearbook 2023” กลุ่มธุรกิจ Retailing ภายหลังจาก OR เข้าร่วมประเมินความยั่งยืนในระดับสากลในปีแรกที่เข้าร่วม ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าการดำเนินงานด้านความยั่งยืนทั้ง 3 มิติ ของ OR ได้แก่ มิติสิ่งแวดล้อม มิติสังคม มิติเศรษฐกิจและการกำกับดูแลกิจการ สอดคล้องกับเกณฑ์การประเมินระดับสากลของ DJSI (Dow Jones Sustainability Indices)

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง