"ทรัมป์" ลงนามฉุกเฉินช่วยผู้เดือดร้อนจากโดวิด-19

วันนี้( 10 ส.ค.63) ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ลงนามในคำสั่งฝ่ายบริหาร อนุมัติแผนช่วยเหลือโควิด-19 ที่จะเป็นการต่ออายุสวัสดิการสำหรับคนว่างงานจากโรคระบาดและการงบเก็บภาษีบางส่วน โดยที่ไม่จำเป็นต้องผ่านความเห็นชอบจากสภาคองเกรส 

สำหรับรายละเอียดของแผนการดังกล่าว คือ จะอนุมัติการให้เงินช่วยคนว่างงานรายละ 400 ดอลลาร์สหรัฐฯ หรือราว 12,000 บาทต่อสัปดาห์ ซึ่งลดลงจาก 600 ดอลลาร์ หรือราว 18,000 บาทต่อสัปดาห์ ซึ่งหมดอายุลงไปเมื่อต้นเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ซึ่งทรัมป์บอกว่า เงินก้อนดังกล่าวเป็นสิ่งที่ประชาชนที่ตกงานต้องการ อีกทั้งจะยังเป็นสิ่งกระตุ้นและจูงใจให้คนกลับไปทำงานตามปกติด้วย โดยในส่วนของเงินช่วยเหลือที่ลดลงร้อยละ 25 นั้น ปธน.ทรัมป์ ระบุว่า รัฐบาลของแต่ละรัฐจะเป็นผู้รับผิดชอบเอง ซึ่งมีรายงานว่างบของแต่ละรัฐนั้นหายไปมากแล้ว เนื่องจากการใช้จ่ายในภาวะที่ประชาชนเดือดร้อนจากวิกฤตครั้งนี้

นอกจากนี้ ทรัมป์ยังประกาศงดเว้นการเก็บภาษีร้อยละ 7 จากรายได้เพื่อนำส่งระบบประกันสังคมและสัวดิการด้านการรักษาของรัฐ สำหรับผู้ที่มีรายได้ปีนี้ไม่ถึง 100,000 ดอลลาร์ หรือราว 3 ล้านบาท สั่งห้ามเจ้าของที่พักไล่ผู้เช่าที่ค้างชำระออกไป และอนุญาตให้ผู้ที่ติดค้างเงินกู้เพื่อการศึกษาพักชำระได้อีกระยะหนึ่ง รวมถึงงดเก็บดอกเบี้ยเงินกู้ที่รัฐบาลเป็นผู้อนุมัติด้วย

ทั้งนี้ การเจรจาเรื่องงบประมาณช่วยเหลือระหว่างทำเนียบขาวและสมาชิกพรรคเดโมแครตในสภาคองเกรส  เพื่อหาทางออกที่ดีทีสุดในการรับมือกับวิกฤตทั้งด้านสังคมและเศรษฐกิจจากโรคโควิด-19 ยังคงไม่สามารถที่จะตกลงกันได้  หลังจากที่สหรัฐฯมีผู้ติดเชื้อในสหรัฐฯมากกว่า 5 ล้านคน และเสียชีวิตกว่า 1 แสน 6 หมี่นคนแล้ว ขณะที่การอนุมัติงบช่วยเหลือโดยไม่ผ่านสภาคองเกรสนั้น เรียกเสียงวิจารณ์จากสมาชิกสภาจากฝั่งเดโมแครตอย่างหนัก โดยนางแนนซี่ เปโลซี ประธานาสภาผู้แทนราษฎรพรรคเดโมแครต บอกว่า ทรัมป์ พยายามที่จะปกป้องความผิดพลาดของตัวเองที่ทำให้มีคนตกงานกว่า 30 ล้านคน ด้วยวิธีการที่ฝ่าฝืนรัฐธรรมนูญ 

ก่อนหน้านี้พรรคเดโมแครตได้เสนอแผนช่วยเหลือประชาชนจากโควิด-19 ไปเมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา แต่พรรครีพับลิกันกลับไม่สนใจ 

เกาะติดข่าวที่นี่