รีเซต

ตลาดสินค้าหรู "สิงคโปร์" โตแกร่งสวนกระแสโลก จ่อขึ้นแท่​​​​นฮับเอเชีย แซงหน้าญี่ปุ่น จีน เกาหลีใต้

ตลาดสินค้าหรู "สิงคโปร์" โตแกร่งสวนกระแสโลก จ่อขึ้นแท่​​​​นฮับเอเชีย แซงหน้าญี่ปุ่น จีน เกาหลีใต้
TNN ช่อง16
31 กรกฎาคม 2568 ( 08:00 )
10

"สิงคโปร์" สินค้าหรูโตเด่นระดับโลก 


สิงคโปร์เป็นประเทศของคนรวย ประชากรแค่ 6 ล้านคน แต่มีเศรษฐีไปแล้วกว่า 2 แสน 4 หมื่นคน และทำให้สิงโปร์เป็นประเทศที่มีรายได้ต่อหัวสูงที่สุดในอาเซียน และเป็นผลดีทำให้การชอปปิงแบรนด์หรูในประเทศเติบโตอย่างต่อเนื่อง และตอนนี้กำลังจะขึ้นแท่นกลายเป็นเบอร์หนึ่ง เป็นฮับหรือศูนย์กลางแห่งสินค้าลักซูรี่แห่งเอเชียไปแล้ว   


มีการนิยามว่าสิงคโปร์ คือ โอเอซิสกลางทะเลททราย ของแบรนด์หรูของตลาดโลกตอนนี้  เพราะหลายประเทศตอนนี้เจอกับความท้าทาย ยอดขายตก ตลาดซบเซา แต่สิงค์โปร์กลับยังทำยอดขายดี เติบโตได้อย่างแข็งแกร่งสวนกระแส 


ตลาดลักซูรี่ในสิงคโปร์นั้นกำลังได้รับความสนใจและโดดเด่นในระดับโลก ล่าสุดสำนักข่าวบลูกเบิร์กรายงาน โดยอ้างอิงจากข้อมูลของ Euromonitor International ระบุว่า การชอปปิงสินค้าแบรนด์หรูของกลุ่มคนร่ำรวยหรือเศรษฐีในสิงคโปร์พุ่งขึ้นสวนกระแสโลก  และคาดการณ์ว่ายอดขายในปีนี้ (2568)จะพุ่งขึ้นไปแตะที่ระดับ 1.39 หมื่นล้านดอลลาร์สิงคโปร์ หรือโตถึง 7% จากปีก่อน(2567) ในปีนี้ (2568 ) ซึ่งหมายความว่าสิงคโปร์จะกลายเป็นศูนย์กลางแห่งการชอปปิงระดับภูมิภาค แซงหน้าญี่ปุ่น จีน และเกาหลีใต้


พร้อมกันนี้ยูโรมอนิเตอร์ยังคาดการณ์ด้วยว่าในปีหน้า(2569) ตลาดสินค้าลักซูรี่ของสิงคโปร์จะโตต่อเนื่องไม่หยุด และจะมียอดใช้จ่ายพุ่งไปถึง 1.47 หมื่นล้านดอลลาร์สิงคโปร์ ซึ่งความหมายว่าจะกลับมาเติบโตเทียบเท่าปี 2562 ซึ่งเป็นช่วงก่อนเกิดการแพร่ระบาดโควิด-19


สิงคโปร์เป็นประเทศไม่ใหญ่  มีพื้นที่แค่ประมาณ 725 ตารางกิโลเมตร และมีประชากรเพียงแค่ 6 ล้านคน  แต่ภายในพื้นที่ที่มีขนาดเล็กแค่นี้ กลับมีการเปิดช็อปแบรนด์หรูเป็นจำนวนมาก ข้อมูลจาก ซาวิลส์ บริษัทอสังหาริมทรัพย์เชิงพาณิชย์ รายงานว่าในปีที่แล้ว สิงคโปร์มีสัดส่วนการเปิดสาขาแบรนด์หรูมากเป็นอันดับ 3 จากทั้งหมด 32 เมืองในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก  ไม่นับรวมเมืองในประเทศจีนแผ่นดินใหญ่  และสิ่งที่เกิดขึ้นก็ส่งผลดีต่อศูนย์การค้าต่างๆ ในสิงคโปร์ ที่ได้ประโยชน์เต็มๆ จากการขยายตัวของสาขาแบรนด์ลักซูรี่เหล่านี้  

กลยุทธ์ "Private Shopping" ดูแลลูกค้าวีไอพี ให้สำคัญต่างจากคนทั่วไป


แบรนด์หรูที่อยู่ทุกที่ทุกห้างทั่วสิงคโปร์  ดังนั้นการแข่งขันในประเทศเองก็ดุเดือด เพราะห้างสรรพสินค้าเป็นหัวใจสำคัญ เป็นพื้นที่สำหรับรองรับลูกค้าผู้มีความมั่งคั่งโดยเฉพาะ และตอนนี้่ทุกห้างในสิงคโปร์ต่างก็พยายามแข่งขันกันอย่างเต็มที่ พยายามจะดึงดูดใจลูกค้าที่เป็นเหล่าเศรษฐี ด้วยการบริการสุดพิเศษที่หลากหลายเพื่อสร้างความประทับใจ โดยเฉพาะให้บริการที่เรียกว่า "Private Shopping" เน้นการชอปปิงแบบเฉพาะบุคคล ที่มีตั้งแต่การดูแลแขกวีไอพีด้วยรถบักกี้ มีบริการจัดสไตล์ส่วนตัว (Personal Styling) หรือจะเป็นการเปิดให้ลูกค้าคนพิเศษได้เลือกช็อปคอลเลกชันที่ยังไม่เคยเปิดตัวที่ไหนมาก่อน ก่อนใครในโลก  มีการจัดอีเวนท์ขายของแบบพิเศษ ที่เชิญเฉพาะลูกค้าวีไอพี เจาะเฉพาะกลุ่ม ให้ร่วมงานได้เพียงแค่ไม่กี่คนเท่านั้น (Private invite-only events) 


ความเห็นจาก "โจนาธาน ซิโบนี" ผู้ก่อตั้งและซีอีโอบริษัทที่ปรึกษา "Luxurynsight"  กล่าวว่า ประเทศสิงคโปร์กำลังพิสูจน์ให้เห็นว่าประเทศนี้เป็นสถานที่ที่มั่นคงมากๆสำหรับเหล่าเศรษฐีคนมีเงิน  และยังได้สร้างฐานรากที่แข็งแกร่งในท้องถิ่นเพื่อรองรับตลาดสินค้าหรูโดยเฉพาะ และถึงขั้นนิยามว่าประเทศสิงคโปร์เปรียบเสมือนโอเอซิสในทะเลทราย  ซึ่งโอเอซิส ก็คือ แหล่งน้ำหรือพื้นที่อุดมสมบูรณ์ ที่เป็นแหล่งพักพิงสำหรับสิ่งมีชีวิตในสภาพแวดล้อมที่แห้งแล้ง 


แต่สำหรับสิงคโปร์ การเป็นโอเอซิสครั้งนี้ หมายความว่า สิงคโปร์ กำลังกลายเป็นแสงสว่าง เป็นที่พึ่งของตลาดสินค้าหรูที่กำลังซบเซาลงจากการชะลอตัวของตลาดในประเทศจีน โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากนโยบายของสิงคโปร์ที่สนับสนุนความมั่งคั่งมานานหลายสิบปี ได้ช่วยดึงดูดกลุ่มคนที่มีความมั่งคั่งสูงเข้าประเทศเพิ่มขึ้น และช่วยสร้างภาคการเงินให้แข็งแกร่ง ทำให้สิงคโปร์ถูกจัดเป็นหนึ่งในประเทศที่ร่ำรวยที่สุดในโลก


ขณะเดียวกันการเมืองในประเทศก็มีความมั่นคง มีเสถียรภาพทางการเมือง ต่อยอดไปถึงความมั่งคั่งในท้องถิ่นที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยบลูกเบิร์กรายงานว่าปัจจุบันนี้ สิงคโปร์มีเศรษฐีอยู่มากกว่า 240,000 คน และรายได้เฉลี่ยจากการทำงานของครัวเรือนก็เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง 5 ปีติดต่อกันแล้ว 

"สิงคโปร์" แหล่งลักซูรี่ของนักท่องเที่ยวต่างชาติ ยอดการใช้จ่ายเติบโตขึ้นในทุกปี 


ย้อนกลับไปในปีที่แล้ว ในช่วงเดือน มกราคมถึงพฤศจิกายน ปี 2567 นักท่องเที่ยวจากหลายประเทศ รวมถึงประเทศที่ไม่ใช่จีนและสหรัฐฯ เช่น อินโดนีเซียและอินเดีย ได้เป็นปัจจัยหนุนทำให้การใช้จ่ายค้าปลีกของนักท่องเที่ยวในสิงคโปร์ พุ่งไปสู่ระดับ 3.9 พันล้านดอลลาร์สิงคโปร์ หรือเพิ่มขึ้น 5% เมื่อเทียบปีต่อปี สิงคโปร์จึงกลายเป็นฐานที่มั่นและเป็นที่ตั้งสำคัญสำหรับแบรนด์หรูต่างๆ ที่ต้องการจะทำการตลาดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ 


ข้อมูลจากคนในวงการ เปิดเผยว่า  แบรนด์สินค้าหรูต่างๆทั่วโลก เริ่มใช้ตลาดในสิงคโปร์เป็นตลาดเพื่อทดลองแนวทางการค้าปลีกใหม่ๆต่างๆ เนื่องจากสามารถเข้าถึงกลุ่มลูกค้าเศรษฐีที่เข้าใจในสุนทรียศาสตร์ทั้งแบบตะวันตกและเอเชีย 


อย่างไรก็ตามความร่ำรวยของสิงคโปร์ ก็ยังไม่ได้ครอบคลุมไปถึงทุกคนในประเทศ ความเหลื่อมล้ำก็มีอยู่สูงเช่นเดียวกับอีกหลายประเทศเช่นกัน ดังนั้นรัฐบาลของสิงคโปร์จึงเร่งหาทางแก้ไข หนึ่งในแนวทางที่ออกมา ก็คือ การขึ้นภาษีคนรวย แต่อย่างไรก็ตามมาตรการนี้ก็มีความเสี่ยงที่เป็นการผลักดันหรือขับไล่ให้คนรวยออกจากประเทศได้ ซึ่งรายงานข่าวระบุว่าปัจจุบันนี้เริ่มมีเศรษฐีบางคนที่กำลังพิจารณาย้ายไปอยู่ที่อื่นแล้วเช่นกัน เช่นการย้ายไปดูไบ


ทั้งปีการเติบโตทางเศรษฐกิจของสิงคโปร์มีความแข็งแกร่งอย่างมากในปีที่ผ่านมา(2567) ทางการรายงานว่าผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ขยายตัวถึง 4.4% และเป็นการขยายตัวในอัตราสูงสุดในรอบ 3 ปีหรือนับตั้งแต่ปี 2564


อย่างไรก็ดี แม้ว่าข้อมูลล่าสุดจะบ่งชี้ว่าเศรษฐกิจสิงคโปร์มีความแข็งแกร่งมากพอที่จะรับมือกับความท้าทายต่าง ๆ ทั้งจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีนไปจนถึงความตึงเครียดด้านการค้าซึ่งมีสาเหตุมาจากมาตรการภาษีของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งสิงคโปร์โดนเรียกเก็บภาษีตอบโต้ที่ 10% และจัดว่าเป็นอัตราที่ต่ำสุดในกลุ่มอาเซียน และล่าสุด กระทรวงการค้าและอุตสาหกรรมของสิงคโปร์ได้ออกมาประกาศปรับลดตัวเลขคาดการณ์ GDP ของประเทศในปีนี้ลงแล้ว  จากเดิมมองว่าจะโตที่  1.0-3.0% เหลือที่ 0.0-2.0%  

ข่าวที่เกี่ยวข้อง