กระบะพุ่งอัดก็อปปี้ หน้ายุบ เสาไฟแรงสูงร้าว เสียงบึ้มสนั่น ไฟดับทั้งแถบ10 กม.
เมื่อเวลา 05.30 น. วันที่ 11 ก.ค. ร.ต.อ.สุรพล วิชิต รองสว.(สอบสวน) สภ.เมืองสมุทรสาคร รับแจ้งเหตุรถกระบะชนเสาไฟฟ้าแรงสูง หน้าร้านโชคอนันต์การช่าง ถ.เศรษฐกิจ1 ฝั่งขาเข้าอ.กระทุ่มแบน ม. 5 ต.นาดี อ.เมือง จ.สมุทรสาคร จึงไปตรวจสอบพร้อมหน่วยกู้ชีพโรงพยาบาลวิชัยเวชฯ สมุทรสาครและ มูลนิธิการกุศลสมุทรสาคร
ที่เกิดเหตุพบรถกระบะ มิตซูบิชิ ไทรทัน สีบอรนซ์เงิน ทะเบียน ถก 5446 กรุงเทพฯ ด้านหลังติดคอกโครงหลังคาสำหรับขนสินค้า พบกล่องกระดาษบรรทุกมาเต็มคันรถ จอดอยู่ในสภาพหน้ารถชนอัดก็อปปี้กับเสาไฟฟ้าแรงสูง พังเสียหายยับเยิน ภายในรถพบคนขับทราบชื่อคือ นายสมโภชน กิจเจริญ อายุ 39 ปีอยู่บ้านเลขที่ 58/17 ม.2 ต.ท่าข้าม อ.สามพราน จ.นครปฐม ได้รับบาดเจ็บแต่ยังคงรู้สึกตัว กู้ภัยช่วยเหลือนำออกมาได้อย่างปลอดภัย ก่อนนำส่งรพ.วิชัยเวชฯสมุทรสาคร
จากการตรวจสอบพบว่าเสาไฟฟ้าที่ถูกกระบะชนเป็นเสาไฟฟ้าแรงสูง ที่มีความสูงถึง 22 เมตรนั้น ถูกชนอย่างแรงจนเอียง อีกทั้งยังเกิดการระเบิดของ สายส่งสัญญาณแรงสูงจนเป็นเหตุให้ บ้านเรือนประชาชน ริมฝั่งขาเข้าอ.กระทุ่มแบน เกิดไฟฟ้าดับเป็นวงกว้างต่อเนื่องยาวเป็นระยะทางเกือบ 10 กิโลเมตร ทั้งสัญญาณไฟจราจรบนถนนเศรษฐกิจ 1 บ้านเรือนประชาชน อาคารพาณิชย์ โรงงานอุตสาหกรรม และสิ่งปลูกสร้างที่ต้องใช้กระแสไฟฟ้า ไม่สามารถใช้ไฟได้ชั่วขณะ
ซึ่งทางเจ้าหน้าที่การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค อ.กระทุ่มแบน รีบมารวจสอบและดำเนินการแก้ไขเบื้องต้น ด้วยการปิดระบบส่งไฟในบางช่วงที่ใกล้กับที่เกิดเหตุ ก่อนที่จะปล่อยกระแสไฟฟ้ามาให้ประชาชนได้ใช้กันตามปกติ ส่วนเสาไฟฟ้าแรงสูงต้นที่ถูกชนนั้น จะต้องทำการเปลี่ยนเสาเนื่องจากแรงระเบิดของสายส่งสัญญาณแรงสูง ทำให้เสาด้านบนเกิดรอยร้าว มูลค่าความเสียหายหลายแสนบาท
จากการสอบถามคนงานเต็นท์รถที่อยู่ติดกันเล่าว่า ขณะที่ตนเองนอนอยู่ในที่พักก็ได้ยินเสียงชนดังสนั่นจนตกใจตื่น แล้วก็รีบออกมาดูปรากฏว่า พบรถกระบะอยู่ในสภาพดังกล่าว ส่วนคนขับรถอยู่ในอาการเบลอ คาดว่าน่าจะหลับในเพราะไม่มีกลิ่นแอลกฮอล์ แต่ไม่ใช่แค่รถชนเท่านั้น
เพราะช่วงที่กำลังดูอาการผู้บาดเจ็บนั้น สายไฟแรงสูงด้านบนเกิดขาดแล้วระเบิดขึ้น 2 ครั้ง มีไฟลุกสว่างวาบ จนตนเองกับเพื่อนต่างพากันวิ่งหนีแตกกระเจิงไปคนละทิศละทาง ก่อนที่จะเรียกสติกลับคืนมาอีกครั้ง แล้วจึงรีบแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ ด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจจะได้ทำการสอบปากคำผู้บาดเจ็บ พร้อมกับหาหลักฐานจากบริเวณที่เกิดเหตุเพิ่ม เพื่อหาสาเหตุของการเกิดอุบัติเหตุที่ชัดเจนต่อไป