สิงคโปร์โต้อินเดีย หลังถูกกล่าวหา เป็นต้นกำเนิดไวรัสกลายพันธุ์ที่จะระบาดในอินเดีย
Singapore: สิงคโปร์โต้เดือดอินเดีย หลังเจ้าหน้าที่อินเดียออกมาระบุว่า หวาดเกรงไวรัสกลายพันธุ์ของสิงคโปร์ จะทำให้อินเดียระบาดรอบ 3 ซึ่งสิงคโปร์ชี้ ไม่มีหลักฐานไวรัสกลายพันธุ์สายพันธุ์สิงคโปร์แต่อย่างใด
รัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุขของสิงคโปร์ ได้ออกมาปฏิเสธข้อกล่าวอ้างของนักการเมืองในอินเดีย ที่ระบุว่า กำลังมีไวรัสกลายพันธุ์สายพันธุ์สิงคโปร์ ที่จะเป็นต้นเหตุของการระบาดของไวรัสในระลอกที่ 3 ได้
โฆษกกระทรวงสาธารณสุขสิงคโปร์ ระบุว่า คำกล่าวอ้างนั้น ไม่เป็นความจริง และขาดหลักฐานมาอ้างอิง เพราะเวลานี้ ไม่มี "ไวรัสกลายพันธุ์สายพันธุ์สิงคโปร์" แต่อย่างใด พร้อมยืนยันว่า การระบาดของไวรัสที่พบในสิงคโปร์หลายสัปดาห์ที่ผ่านมานี้ เป็นไวรัสสายพันธุ์ B.1.617 ซึ่งมีต้นกำเนิดที่อินเดีย จากผลจากการวิเคราะห์ลำดับพันธุกรรม ซึ่งพบในหลายคลัสเตอร์ในประเทศ
อาร์วิน เกจริวัล หัวหน้ารัฐมนตรี โพสต์ข้อความผ่านทวิตเตอร์ด้วยภาษาฮินดีเมื่อวันอังคาร (18 พฤษภาคม) เรียกร้องให้รัฐบาลอินเดียยกเลิกเที่ยวบินจากสิงโปร์ทันที โดยอ้างว่ามี "ไวรัสกลายพันธุ์ใหม่" ที่อันตรายอย่างมากสำหรับเด็กที่อาจทำให้เกิดการระบาดรอบที่ 3 ในประเทศอินเดียได้ อีกทั้งยังขอให้มีการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ให้กับกลุ่มเด็กเล็กโดยเร็วที่สุด
จากโพสต์ดังกล่าว ทำให้สำนักข่าวหลายแห่งของอินเดีย อาทิ Hindustan Times ได้พาดหัวข่าวว่า "ไวรัสกลายพันธุ์ที่พบในสิงคโปร์ จะทำให้อินเดียเกิดการระบาดรอบ 3 อันตรายอย่างยิ่งสำหรับเด็ก" อีกทั้งยังได้รับการรายงานผ่านสื่อทีวีอย่าง NDTV พร้อมพาดหัวข่าวว่า "อาร์วิน เกจริวัล ขอให้หยุดเที่ยวบินจากสิงคโปร์ หลังพบไวรัสกลายพันธุ์ตัวใหม่"
คำเรียกร้องของหัวหน้ารัฐมนตรีรายนี้ ทำให้ ฮาร์ดีป ซิงห์ ปูริ รัฐมนตรีกระทรวงการบินของอินเดีย บอกผ่านทวิตเตอร์ว่า ยังไม่เห็นการประกาศเตือนดังกล่าว และเที่ยวบินสิงคโปร์ไปอินเดียนั้น ระงับลงตั้งแต่เดือนมีนาคมปีที่แล้ว อีกทั้งสิงคโปร์ไม่มีโครงการ Travel Bubble กับอินเดียด้วย แต่ที่ผ่านมา มีเพียงการนำชาวอินเดียที่ตกค้างอยู่กลับมาเท่านั้น
ขณะที่กระทรวงสาธารณสุขสิงคโปร์ อนุมัติวัคซีนต้านโควิด-19 ของบริษัท Pfizer เพื่อใช้ฉีดให้เด็กเยาวชนอายุระหว่าง 12-15 ปี ในวันอังคาร โดยระบุว่า ข้อมูลแสดงให้เห็นว่า วัคซีนโควิดของ Pfizer-BioNTech มีประสิทธิภาพสูงสอดคล้องกับที่พบในประชากรวัยผู้ใหญ่ และระบุเพิ่มเติมว่า วัคซีนมีประวัติการใช้ปลอดภัยเหมือนกับที่ใช้ในประชากรวัยผู้ใหญ่ด้วยเช่นกัน
จนถึงขณะนี้ สิงคโปร์ ซึ่งมีประชากรกว่า 5.7 ล้านคน ฉีดวัคซีนไปแล้วประมาณ 3.4 ล้านโดส ประมาณ 1.4 ล้านคนได้รับวัคซีนครบ 2 โดสแล้ว ส่วนที่เหลือฉีดวัคซีน 1 โดส เนื่องจากวัคซีนมีจำนวนจำกัด กระทรวงสาธารณสุขของสิงคโปร์ จึงเลือกที่จะเว้นระยะห่างการฉีดวัคซีน ระหว่างเข็มแรกและเข็มสองออกไป โดยขยับออกจากปัจจุบันที่ห่างกัน 3 สัปดาห์ เป็น 4 สัปดาห์