"เห็ดหูหนู" 7 ข้อควรรู้ก่อนกิน กินผิดได้พิษมากกว่าประโยชน์

นพ.เจษฎ์ บุณยวงศ์วิโรจน์ รองผู้อำนวยการโรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา โพสต์ภาพข้อความผ่านเพจเฟซบุ๊กชื่อ “หมอเจด” ระบุว่า 7 ข้อที่ควรรู้ ก่อนกิน “เห็ดหูหนู”
ช่วงนี้ใครที่กำลังสนใจ “เห็ดหูหนู” มาอ่านดูก่อนครับ หลายคนได้ยินว่า “เห็ดหูหนูช่วยลดไขมัน ขับถ่ายดี” แล้วจัดหนักทุกมื้อ แต่รู้ไหมครับแม้จะเป็นอาหารสุขภาพยอดฮิต แต่ถ้ากินผิดวิธีหรือกินเยอะเกินไป ก็อาจกลายเป็นภัยเงียบต่อร่างกายได้เหมือนกัน
เห็ดหูหนูมีทั้งข้อดีจริง และข้อควรระวังที่คนส่วนใหญ่ไม่รู้ วันนี้เรามาแยกให้ชัดว่า อะไรคือ “ประโยชน์จริง” และอะไรคือ “ความเข้าใจผิด” กันครับ
1. ช่วยขับถ่ายดี เพราะไฟเบอร์สูงมาก
เห็ดหูหนูมีใยอาหารทั้งแบบละลายน้ำและไม่ละลายน้ำ ช่วยให้อุจจาระนิ่ม เคลื่อนตัวดี ลดโอกาสท้องผูก แต่ ข้อควรระวัง คือ ถ้ากินเยอะแต่ดื่มน้ำน้อย จะยิ่งทำให้ขับถ่ายยากกว่าเดิม เพราะไฟเบอร์ดูดน้ำจนแข็งตัวในลำไส้ ดังนั้น ถ้าจะกินเห็ดหูหนูเพื่อช่วยขับถ่าย ต้อง “ดื่มน้ำให้มากพอ” ด้วยครับ
2. ไขมันต่ำ เป็นมิตรต่อหัวใจ แต่ไม่ใช่ยาลดไขมัน
เห็ดหูหนูช่วยลดคอเลสเตอรอลได้ “เล็กน้อย” เพราะมีไฟเบอร์ช่วยจับไขมัน แต่ไม่ได้มีฤทธิ์แรงเท่ายาหรือโอเมก้า-3 จากปลาทะเล จึงเหมาะกับคนที่อยาก “กินคลีน” หรือควบคุมอาหาร มากกว่าการรักษาโรค อย่าคาดหวังว่าเห็ดหูหนูจะลดไขมันได้เท่ากับยาครับ
3. มีสารต้านอนุมูลอิสระ (Polysaccharides + Polyphenols)
ในเห็ดหูหนูมีสารที่ช่วยลดการอักเสบและเสริมภูมิคุ้มกันระดับเบา ๆ ช่วยให้ร่างกายฟื้นตัวดีขึ้นในระยะยาว แต่ต้องเข้าใจว่า ประสิทธิภาพยังไม่เทียบเท่าผลไม้สีเข้มหรือสารสกัดอย่าง astaxanthin ดังนั้น กินเพื่อสุขภาพได้ แต่ไม่ใช่ “ซูเปอร์ฟู้ด” อย่างที่บางคนเข้าใจครับ
4. ชะลอการดูดซึมน้ำตาลในเลือด
เห็ดหูหนูมีใยอาหารที่ช่วยชะลอการดูดซึมน้ำตาล เหมาะกับคนที่ต้องคุมระดับน้ำตาลหลังอาหาร (post-meal spike) โดยเฉพาะผู้ที่มีภาวะ Prediabetes หรือเริ่มดื้อต่ออินซูลิน แต่ไม่ใช่ตัวรักษาเบาหวาน และไม่สามารถแทนยาได้ ให้มองมันเป็น “ผู้ช่วย” ในการคุมอาหารครับ
5.มีฤทธิ์ทำให้เลือดไม่ข้นเล็กน้อย
เห็ดหูหนูมีสารที่ช่วยลดการเกาะตัวของเกล็ดเลือดเล็กน้อย จึงอาจเป็นผลดีต่อสุขภาพหัวใจและหลอดเลือด แต่สำหรับคนที่กินยา warfarin, NOAC หรือ aspirin อยู่ ห้ามกินเห็ดหูหนูปริมาณมากหรือกินซ้ำถี่โดยไม่ปรึกษาแพทย์ เพราะอาจเสริมฤทธิ์ยาให้เลือดออกง่ายขึ้นได้ครับ
6.คนเป็นนิ่วควรระวังปริมาณ
เห็ดหูหนูมี oxalate ระดับปานกลาง คนทั่วไปกินได้สบาย แต่ถ้าใครเป็นนิ่วในไต ควรหลีกเลี่ยงการกินถี่หรือในปริมาณมาก เพราะอาจเพิ่มความเสี่ยงนิ่วซ้ำได้ แนะนำกินสลับกับผักอื่น และดื่มน้ำเยอะ ๆ เพื่อลดการตกตะกอนของเกลือแร่ครับ
7.เห็ดหูหนูแห้งต้องล้างดีมาก
เป็นข้อที่คนมักมองข้าม เห็ดหูหนูแห้งมีโอกาสปนเปื้อนดิน เชื้อรา หรือสารพิษจากเชื้อรา (mycotoxin) ก่อนนำมาปรุงควรล้างนาน ๆ แช่น้ำจนนิ่ม และล้างซ้ำอีกครั้งด้วยนะ หากได้กลิ่นอับหรือเชื้อราขึ้น ควรทิ้งทันที และควรเลือกซื้อจากแหล่งที่เชื่อถือได้เท่านั้นนะครับ
เห็ดหูหนูเป็นของดีจริง ถ้ากิน “พอดีและสะอาด” มันช่วยขับถ่ายดี ไขมันต่ำ คุมน้ำตาล และช่วยเลือดไหลเวียนดี แต่ไม่ใช่ยา ไม่ใช่ซูเปอร์ฟู้ด จำไว้ง่าย ๆ กินให้ถูก กินให้พอดี เห็ดหูหนูจะกลายเป็นเพื่อนสุขภาพแท้จริงของเราครับ และที่สำคัญต้องล้างให้สะอาดก่อนกินเสมอ อันนี้ผมหมายถึงเห็ดหูหนูจริง ๆ นะครับ