รีเซต

8 สุดยอด “สมุนไพรบำรุงเลือด” กินอย่างไรให้แข็งแรงจากภายในสู่ภายนอก

8 สุดยอด “สมุนไพรบำรุงเลือด” กินอย่างไรให้แข็งแรงจากภายในสู่ภายนอก
เทคโนโลยีชาวบ้าน
9 กันยายน 2564 ( 10:06 )
260
8 สุดยอด “สมุนไพรบำรุงเลือด” กินอย่างไรให้แข็งแรงจากภายในสู่ภายนอก

“เลือด” เป็นของเหลวสีแดงที่ไหลเวียนไปตามเส้นเลือดไปยังส่วนต่างๆ ทั่วร่างกาย เลือดทำหน้าที่หลายอย่าง เช่น ขนส่งก๊าซออกซิเจนและคาร์บอนไดออกไซด์ รักษาสมดุลของน้ำและเกลือแร่ ปรับระดับอุณหภูมิของร่างกาย ส่วนเม็ดเลือดขาวก็ช่วยจัดการกับเชื้อโรคที่เข้ามารุกราน รวมทั้งสร้างภูมิคุ้มกันให้กับร่างกาย

 

จะเห็นว่าสิ่งต่างๆ ที่เลือดทำได้นั้นมีความสำคัญกับร่างกายมาก ดังนั้น หากเลือดทำงานด้อยประสิทธิภาพลง จะส่งผลให้ร่างกายอ่อนแอลง เจ็บป่วยได้ง่าย เราจึงควรใส่ใจดูแลบำรุงเลือดให้สมบูรณ์ เมื่อระบบไหลเวียนเลือดทำงานได้ดี ร่างกายก็แข็งแรงจากภายในสู่ภายนอก

 

8 สมุนไพรบำรุงเลือด

 

ใครที่อยากบำรุงเลือดให้แข็งแรงสมบูรณ์ สิ่งที่ควรใส่ใจเป็นอันดับแรกเลยคืออาหารนั่นเอง มีพืชผักสมุนไพรอยู่เป็นจำนวนมากที่มีสรรพคุณช่วยบำรุงเลือด ไม่ว่าจะในคนปกติหรือผู้ที่มีภาวะเลือดจาง สามารถเลือกกินได้ บางชนิดอาจจะหากินยากสักเล็กน้อย แต่บางชนิดก็ผักสวนครัวใกล้ๆ ตัวที่เราแทบจะกินกันอยู่ทุกๆ วันเลยทีเดียว อย่ารอช้าไปรู้จักกับสมุนไพรมีสรรพคุณช่วยบำรุงเลือดทั้ง 8 ชนิดกันเลย

 

1.แคนา เป็นพืชที่มักพบตามทุ่งนา ดอกรูปแตรสีขาว ส่วนที่มีสรรพคุณช่วยบำรุงเลือดคือส่วนราก

 

ดอกแคนา

 

2.ชะอม ประกอบไปด้วยฟอสฟอรัสและธาตุเหล็กเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเหล็กเป็นส่วนประกอบของเม็ดเลือดแดง ช่วยบำรุงเลือดและป้องกันโรคเลือดจางได้เป็นอย่างดี ถือเป็นผักสวนครัวรั้วกินได้ที่มีประโยชน์อย่างแท้จริง

 

ชะอม

 

3.ดอกคำฝอย เป็นสมุนไพรที่นิยมนำชงเป็นชาดื่ม มีสรรพคุณเป็นสมุนไพรช่วยบำรุงเลือด ช่วยฟอกเลือด แก้โรคเลือดเป็นพิษ ช่วยลดไขมันในเส้นเลือดและขยายหลอดเลือด จึงทำให้ระบบไหลเวียนเลือดทำงานได้ดีขึ้น การแลกเปลี่ยนออกซิเจนในเส้นเลือดทำได้มากขึ้น นอกจากนี้ ยังช่วยสลายและป้องกันการจับตัวกันของลิ่มเลือด บำรุงหัวใจ ทำให้หัวใจแข็งแรงและสูบฉีดเลือดได้ดี

 

ดอกคำฝอย

 

4.ดอกจันทน์ เป็นสมุนไพรที่มีฤทธิ์ร้อนเล็กน้อยและสร้างความอบอุ่นให้กับร่างกาย ช่วยบำรุงเลือดลม จัดเป็นสมุนไพรชั้นยอดของไทย ซึ่งมักถูกนำมาเป็นส่วนผสมในยาตำรับโบราณหลายตำรับเลยทีเดียว

 

5.กานพลู สมุนไพรที่มีสรรพคุณทางยามากมาย มีกลิ่นหอม มีส่วนช่วยในการดูดซึมธาตุเหล็ก แก้เลือดเสีย ช่วยบำรุงเลือด ช่วยละลายลิ่มเลือดและลดการจับตัวเป็นก้อนของเลือด ทำให้เลือดไหลเวียนได้ดีขึ้น กานพลูนำมาเป็นยาได้หลายขนาน ทั้งทำยาหอม บดเป็นผงผสมกับตัวยาชนิดอื่นๆ หรือสกัดเอาน้ำมัน เป็นต้น กานพลูเหมาะสำหรับผู้หญิงที่กำลังให้นมบุตรเพราะจะทำให้มีน้ำนมมากขึ้น แต่หากกำลังตั้งครรภ์อยู่ควรหลีกเลี่ยง หากต้องใช้ควรปรึกษาแพทย์ก่อน

 

กานพลู

 

6.คำไทย เป็นสมุนไพรที่น้อยคนนักจะรู้จัก แต่ว่ามีประโยชน์มากๆ ดอกและรากคำไทยมีสรรพคุณช่วยบำรุงเลือด ช่วยรักษาโรคโลหิตจางโดยนำมาต้มกับน้ำแล้วดื่ม ส่วนเปลือกลำต้นนำมาต้มดื่มช่วยลดความดันโลหิต นอกจากนี้ ยังช่วยบำรุงหัวใจ บำรุงสมอง และบำรุงร่างกายอีกด้วย

 

7.ลูกจัน หรือผลอินจัน เป็นผลไม้ที่หาได้ยากมากๆ ในปัจจุบัน ลูกอินจันมีลักษณะกลมแป้น สีเหลืองมีกลิ่นหอม รสฝาดหวาน มีสรรพคุณบำรุงหัวใจ บำรุงธาตุ บำรุงเลือด ลดอาการปวดมดลูก ทั้งยังช่วยขับลม แก้จุกเสียดแน่นท้อง แก้อาการอาหารไม่ย่อย และลดการปวดท้องจากท้องเสีย ท้องร่วง เป็นต้น

 

ลูกจัน

 

8.ตังกุย หรือโกฐเชียง ตามตำรับยาไทยโกศเชียงคือส่วนที่เป็นราก มีกลิ่นหอมเฉพาะตัว รสหวานอมขม เผ็ดเล็กน้อย ตังกุยเป็นสมุนไพรที่มีฤทธิ์ร้อนเล็กน้อย มีสรรพคุณโดดเด่นคือช่วยฟอกเลือด บำรุงเลือด ตังกุยอุดมไปด้วยวิตามินบี 12 ซึ่งช่วยรักษาภาวะเลือดจาง เลือดพร่องหรือเลือดน้อย ผู้ที่มีเลือดน้อย ตัวจะเหลือง ปลายนิ้วและเล็บจะซีด หากกินตังกุยบ่อยๆ จะช่วยให้เลือดกระจายตัวได้ดี ระบบไหลเวียนเลือดทำงานได้ดีขึ้น ตัวจะซีดน้อยลง ดูมีเปล่งปลั่งและมีน้ำมีนวล นอกจากนี้ ตังกุยยังใช้เป็นยาสำหรับผู้หญิง แก้อาการปวดท้องประจำเดือน ช่วยขับเลือด ทำให้ประจำเดือนมาเป็นปกติ ช่วยกระตุ้นให้มดลูกบีบตัวดี มดลูกเข้าอู่เร็วหลังคลอด ลดอาการร้อนวูบวาบและหงุดหงิดจากวัยทอง จึงเหมาะอย่างยิ่งที่จะเป็นยาบำรุงร่างกายสำหรับสาวๆ แต่อย่างไรก็ตาม เนื่องจากสรรพคุณที่ช่วยขับเลือดและกระตุ้นการบีบตัวของมดลูก คุณผู้หญิงที่กำลังตั้งครรภ์ไม่ควรกินตังกุย

 

ตังกุย

 

คำแนะนำในการบำรุงเลือด

 

  1. เหล็ก เป็นส่วนประกอบสำคัญในการเสริมสร้างเม็ดเลือดแดง มีอาหารบางประเภทที่เมื่อกินเข้าไปแล้วจะเข้าไปขัดขวางกระบวนการดูดซึมธาตุเหล็กคือ อาหารที่มีแคลเซียมสูง อาหารที่อุดมไปด้วยไขมัน อาหารที่มีสารเทนนินสูง อย่างชา กาแฟ เป็นต้น ดังนั้น หากกินอาหารที่มีธาตุเหล็กสูงเข้าไปแล้ว อยากให้ร่างกายดูดซึมธาตุเหล็กไปแบบเต็มๆ ควรกินห่างจากอาหารที่กล่าวถึงไปเมื่อครู่สักประมาณครึ่งชั่วโมง
  2. ดื่มน้ำให้เพียงพอ เลือดเป็นของเหลว ดังนั้น ส่วนประกอบหลักจึงเป็นน้ำนั่นเอง การดื่มน้ำอย่างเพียงพอเป็นกลไกสำคัญที่ทำให้การขจัดสารพิษในเลือดเป็นไปได้ด้วยดี ทั้งยังช่วยให้เลือดไม่เหนียวข้น จึงทำให้เลือดสะอาดและไหลเวียนได้ดี

 

วันนี้ ใครอยากบำรุงเลือดให้สมบูรณ์สามารถหามากินกันได้เลย ที่สำคัญอย่าลืมระมัดระวังเรื่องการกินอาหารที่ขัดขวางการดูดซึมธาตุเหล็กและการดื่มน้ำสะอาดให้เพียงพอ หากปฏิบัติอย่างถูกต้องสม่ำเสมอ รับรองระบบไหลเวียนเลือดทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพแน่นอน                        

 

ขอบคุณข้อมูล https://sukkaphap-d.com

 

 

ยอดนิยมในตอนนี้

แท็กยอดนิยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง