ธปท.รับคุมเข้มทองคำ-คริปโตลดบาทแข็ง

นาย เกรียงไกร เธียรนุกูล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย หรือ ส.อ.ท. เปิดเผยภายหลัง หารือร่วมกับนายวิทัย รัตนากร ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย หรือ ธปท. พร้อมคณะ
โดยการหารือในครั้งนี้เน้น 3 เรื่อง 1.ผลกระทบสงครามการค้าสหรัฐฯ แม้ไทยจะถูกเก็บภาษีที่อัตราร้อยละ 19 แต่เรื่องสวมสิทธิ RVC Local Content ยังไม่ชัดเจน ซึ่งกระทบผู้ส่งออกจำนวนมาก รวมถึงกระทบไปยังการปล่อยสินเชื่อ
2. SME ซึ่งเป็นกลุ่มเปราะบางที่สุด ได้ผลกระทบดอกเบี้ยทำให้ต้นทุนสูง และถูกตัดสินเชื่อจำนวนมาก จึงอยากให้เกิดการออกแบบไม่ใช่เหมารวมทั้งหมด ซึ่งยังมีลูกค้ากลุ่มคุณภาพดีอยู่
3. ค่าเงินบาทแข็งค่า โดยเรื่องนี้ ธปท. จะเป็นผู้รับผิดชอบดูเรื่องการซื้อขายทองคํา คริปโตคอเรนซี และการเคลื่อนย้ายเงินทุนสีเทาที่ผิดปกติ เพื่อลดแรงกดดันและทําให้ค่าเงินบาทแข็งค่าเกินปัจจัยพื้นฐาน เมื่อเทียบกับประเทศคู่ค้าของไทย
โดยภาคเอกชนมองว่า ค่าเงินบาทที่แข็งตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมาถึงร้อยละ 7 กระทบต่อภาคการส่งออกการท่องเที่ยว ทําให้นักท่องเที่ยวต่างชาติลดลง รวมถึงกระทบต่อรายได้จากการค้าขายที่น้อยลงเมื่อมีการแลกเปลี่ยนจากดอลลาร์เป็นเงินบาท
เช่น ประเทศเวียดนาม ที่ค่าเงินอ่อนลงร้อยละ 3 แต่เงินบาทแข็งค่าขึ้นร้อยละ 7 ทําให้ไทยเสียเปรียบ การส่งออกและการท่องเที่ยวถึงร้อยละ 10 จากผลกระทบค่าเงินที่แข็งขึ้น
ทั้งนี้ ช่วงที่ผ่านมาหลังจากภาครัฐมีการตรวจสอบเรื่องการซื้อขายทองคําที่ผิดปกติอย่างจริงจัง ทำให้ค่าเงินบาทลดการแข็งค่าเหลือร้อยละ 5 จากร้อยละ 7
ดังนั้นถึงเวลาที่จะต้องตรวจสอบเรื่องนี้อย่างจริงจัง เพราะนอกจากช่วยในเรื่องการขยายตัวทางเศรษฐกิจยังช่วยเรื่องสร้างความเชื่อมั่นของไทยในสายตาของต่างชาติด้วย
ทั้งนี้ ภาคเอกชนมองว่าค่าเงินบาทควรอยู่ที่ระดับ 34-35 บาทต่อดอลลาร์หรืออ่อนค่าลงประมาณ 2 บาทจากระดับปัจจุบัน ซึ่งจะส่งผลดีต่อการแข่งขันของภาคการส่งออกไทย
Tag
ยอดนิยมในตอนนี้
