รีเซต

ภาครัฐ-เอกชน ร่วมถก ปลดล็อกศักยภาพ ผลักดันเศรษฐกิจ งานสัมมนา TRANSFORMING THAILAND

ภาครัฐ-เอกชน ร่วมถก ปลดล็อกศักยภาพ ผลักดันเศรษฐกิจ งานสัมมนา TRANSFORMING THAILAND
TNN ช่อง16
8 กันยายน 2568 ( 13:50 )
35

หัวข้อ “ปลดล็อกศักยภาพ ผลักดันเศรษฐกิจ” จากภาครัฐและเอกชน ประกอบด้วย คุณวุฒิไกร ลีวีระพันธุ์ ปลัดกระทรวงพาณิชย์ ที่ระบุว่า ประเทศไทยเรามีรายได้ปานกลางตั้งแต่ปี 2530 ซึ่งผ่านมา 30ปี แล้วแต่เราก็ยังอยู่ที่เดิม และเรามีเพื่อนที่อยู่กับเราเมื่อ 30 ปีที่แล้ว เช่น ไต้หวัน เกาหลีใต้  เขาเดินนำหน้าไปแล้ว แต่ไทยยังมีความสุขกับสิ่งที่เรามีอยู่เดิม

ดังนั้นถึงเวลาที่เรา ต้องกลับไปดูตัวเลขอุตสาหกรรมในประเทศ เราไม่มีนวัตกรรม หุ้นก็ไม่ดึงดูดลงทุน แต่ควรมองจุดเด่นของไทย ซึ่งไทยเราเก่งเรื่องเกษตรกรรม และท่องเที่ยว เราควรเดินหน้าเรื่องนี้ เห็นได้จาก บริษัทซีพี แม้จะขายสินค้าเกษตรกรรรม แต่ยังยืนเป็นอันดับต้นๆ ของไทย  

ส่วนการที่สหรัฐฯ เก็บภาษีนำเข้าจากไทยร้อยละ 19 นั้น จะเห็นว่าเป็นโอกาสที่ดีในการปรับโครงสร้างอุตสาหกรรมของประเทศให้สอดรับกับโลกมากยิ่งขึ้น และมองว่าหลายประเทศจะมีการเปิดขตตกลงการค้าเสรี หรือ FTA กับไทยมากขึ้นด้วย

แต่อย่างไรก็ตามยังยังยืนยันว่า สินค้าที่ไทยนำไปแลกสหรัฐฯ นั้นคุ้มค่ากับที่ได้มา  และเรายังคำนึงถึงเกษตรกรอันดับหนึ่ง สินค้าใดที่คาดว่าจะกระทบก็เปิดให้แบบมีเงื่อนไข หรือ กำหนดโควต้า ไม่เปิดตลาดทั้งหมด โดยต่อไปเราจะพูดคุยว่าจะซื้ออะไรเพิ่มจากสหรัฐฯ เช่น น้ำมัน เครื่องบิน ข้าวโพด เป็นต้น ซึ่งเป็นสินค้าที่เราขาดแคลนอยู่แล้ว

ส่วนด้านเอกชนอย่าง ดร.พจน์ อร่ามวัฒนานนท์ ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย  กล่าวว่า ไทยติดล็อกระบบการเมือง ติดกับดักการเมืองการปกครอง การเมืองของไทยไม่มีความต่อเนื่อง ไม่มีเสถียรภาพ  และไม่มีการสร้าง national agenda (วาระแห่งชาติ)

ภาคเอกชนจึงอยากเสนอให้กำหนดในรัฐธรรมนูญไปเลยว่า อะไรคือ วาระแห่งชาติ ที่ทุกรัฐบาลต้องสานต่อ เพื่อให้เศรษฐกิจไทยสามารถโตทัดเทียมประเทศอื่นๆ ในอาเซียน  

โดยภาคเอกชนในนามคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน (กกร.) พร้อมช่วยขับเคลื่อนนโยบายนำเสนอรัฐบาล ติเตือนบางนโยบายที่ไม่เหมาะสม ส่วนสิ่งงที่ผลักดันเต็มที่ในระยะต่อไป คือ การต่อต้านคอร์รัปชัน ถือเป็นมะเร็งร้ายทำลายเศรษฐกิจของไทย

สำหรับการเปิดตลาดใหม่ๆ ภาคเอกชนของไทย มีการจับมือร่วมกันทั้งกับภาคเอกชน สหรัฐฯ สหภาพยุโรป ญี่ปุ่น และอีกหลายๆ ประเทศ  โดยอยากเห็นการเจรจาเอฟทีเอไทยและอียู ที่ประสบความสำเร็จโดยเร็ว เพื่อให้ไทยมีแต้มต่อในการส่งออกไปอียูมากขึ้น

ด้านคุณอัสสเดช คงสิริ กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย กล่าวว่า ถ้าเทียบกับตลาดสหรัฐฯ  บริษัทใหญ่ 50 บริษัทแรกของไทยไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง ดังนั้นบทบาทตลาดหลักทรัพย์ ต้องดูว่าจะทำอย่างไรให้ธุรกิจใหม่ๆ เติบโตเป็นอุตสาหกรรมใหม่ๆ ของไทยของไทย เช่น หอการค้าไทย ที่มีกลุ่มผู้ประกอบการรุ่นใหม่ที่เรียกว่า YEC (Young Entrepreneur Chamber of Commerce)  

ตรงนี้สามารถนำมาเชื่อมต่อตลาดทุน เพื่อผลักดันให้ธุรกิจนี้เติบโตดึงดูดการลงทุนเพิ่มขึ้น โดยในงานไทยแลนด์โฟกัสที่จัดเมื่อ 2 สัปดาห์ก่อน นักลทุนต่างประเทศบอกว่า อยากเห็นอะไรใหม่ๆ คาดหวังว่ารัฐบาลและเอกชนจะกระตุ้นให้เกิดการลงทุน เกิดการเปลี่ยนแปลงในโครงสร้าง ทำให้เกิดอุตสาหกรรมใหม่ได้มากขึ้น

ช่วงที่ผ่านมานักลงทุนต่างประเทศเริ่มมาซื้อตลาดทุนมากขึ้น ส่วนหนึ่งเกิดจากความแน่นอนทางด้านการค้า และรัฐบาลใหม่ ส่วนหนึ่งต้องยอมรับว่า ของเราถูก ผลตอบแทนดี ดังนั้นอยากหาแนวทางเพื่อดึงดูดให้เงินทุนกลับเข้ามาในไทยในระยะยาวขึ้น


ซึ่งสอดคล้องกับคุณศุธาศินี สมิตร ที่ปรึกษาด้านการลงทุน สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน หรือ บีโอไอ ที่ระบุว่า ในภาพรวมไทยมีศักยภาพในการดึงดูดลงทุน ทั้งทำเล โครงสร้างพื้นฐานแข็งแรง มีการลงทุนด้านดิจิทัล บุคคลากร แต่แค่ยังไม่เพียงพอ และจะต้องปรับปรุงอยู่เสมอ  ซึ่งในทางบีโอไอได้ทำงานร่วมกับกระทรวงพาณิชย์ ในเรื่องการค้า เพราะมีผลกระทบต่อปัจจัยการผลิต เช่น การกำหนด Local Content (โลโค คอนเทนต์) เป็นต้น

ส่วนทางด้านตลาดหลักทรัพย์ฯ ก็ได้มีความร่วมมือในการดึงผู้ประกอบการให้เข้าถึงแหล่งทุน โดย บโอไอจะสนับสนุนทางภาษี ส่วนตลาดฯ สนับสนุนด้านเงินทุน  ส่วนสิ่งที่ไทยต้องปรับตัวให้ทัน  คือ เรื่องความยั่งยืน ภูมิรัฐศาสตร์  และกฎระเบียบใหม่ ไทยต้องเร่งพัฒนราผ่านการใช้โทคโนโลยีขั้นสูง และส่งเสริมการใช้ชิ้นส่วนการผลิตในประเทศ

ส่วนการดึงดูดการลงทุน มองว่าไทยยังมีความสามารถในการแข่งขันประเทศ แต่ควรเน้นพัฒนาอุตสาหกรรมเป้าหมายต่างๆ  และมองว่าผลการเจรจาสหรัฐฯ มีผลเพียงแค่ส่วนเดียวเท่านั้น เพราะบางอุตสาหกรรมมีภาษีเฉพาะอยู่แล้ว เช่น ยา เป็นต้น แต่ถ้าดูแค่ตัวเลขการเก็บภาษี ไทยยังอยู่ในระดับเดียวกันกับภูมิภาค ซึ่งเราได้ประโยชน์ และแข่งขันได้

ยอดนิยมในตอนนี้

แท็กยอดนิยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง