ไต้หวันยิงโดรนจีนครั้งแรก หวั่นนำมาสู่การปะทะกันเต็มรูปแบบ จีนชี้ นับเป็นพฤติกรรมด้านการทหาร
---ไต้หวันยิงโดรนจีน---
สำนักข่าว South China Morning Post รายงานว่า กระทรวงกลาโหมไต้หวัน เปิดเผยว่า พบโดรนพลเรือน 3 ลำ บินอยู่เหนือเกาะจินเหมิน ในจุดที่แตกต่างกัน ทำให้กระทรวงกลาโหมได้ทำการยิงเตือนโดรนทั้ง 3 ลำดังกล่าว
นอกจากนี้ ยังพบโดรนอีกลำ บินอยู่เหนือเกาะเอ๋อตาน ห่างจากมณฑลฝูเจี้ยนไปราว 4 กิโลเมตร ทำให้ไต้หวันทำการยิงด้วยกระสุนจริงเพื่อขับไล่โดรนดังกล่าวออกไป
โดยกระทรวงกลาโหมไต้หวันเปิดเผยถึงเหตุการณ์ดังกล่าวในวันนี้ว่า ไต้หวันมีสิทธิที่จะป้องกันตัวเอง และโจมตีตอบโต้ หากโดรนจากจีนแผ่นดินใหญ่เป็นภัยคุกคามต่อความมั่นคงของเกาะ และยังไม่ยอมออกไปจากดินแดนไต้หวัน แม้จะมีการเตือนไปแล้วก็ตาม
หลิน เวินหวง รองประธานเสนาธิการทหารฝ่ายปฏิบัติการและวางแผนแห่งกองทัพไต้หวัน เปิดเผยต่อผู้สื่อข่าวว่า กองทัพไต้หวันจะดำเนินการด้วยสิทธิเดียวกันนี้ เพื่อตอบโต้โดรนของจีนที่ไม่สนใจคำเตือน ให้ออกไปจากเขตแดนของไต้หวัน หลังมีท่าทีคุกคาม
ขณะเดียว ระหว่างการแถลงต่อผู้สื่อข่าว หม่า เฉิงคุน ผู้อำนวยการมหาวิทยาลัยป้องกันสถาบันทหารไต้หวัน กล่าวว่า จีนอาจเคลื่อนไหวมากขึ้น เพื่อปฏิเสธการเดินทางผ่านช่องแคบไต้หวันของเรือรบต่างชาติโดยไม่ได้รับอนุญาต
ขณะที่ ไช่ อิงเหวิน ประธานาธิบดีไต้หวัน ระบุถึงเรื่องโดรนจีนที่บินเข้าในน่านฟ้าไต้หวันว่า เป็นกิจกรรมทางทหารใน "เขตสีเทา" ที่ยกระดับความขัดแย้งมากขึ้น
---จีนชี้ เป็น ‘พฤติกรรมด้านการทหาร’---
ฝู เฉียนเชา อดีตผู้เชี่ยวชาญด้านอาวุธแห่งกองกำลังปลดปล่อยประชาชนจีน หรือ PLA ระบุว่า การยิงด้วยกระสุนจริงใส่โดรนเช่นนี้ นับเป็น "พฤติกรรมด้านการทหาร"
"มันเป็นพฤติกรรมด้านการทหาร เมื่อคุณได้ทำการยิงโดยตรงใส่โดรน และไม่ว่ากระสุนดังกล่าวถูกโดรนหรือไม่ก็ตาม มันได้ยกระดับความตึงเครียดขึ้นแล้ว" ฝู กล่าว
ฝู ระบุว่า จีนแผ่นดินใหญ่จะใช้มาตรการที่สอดคล้องกับสถานการณ์ และหากว่ายังคงมีการเดินทางเยือนเกาะไต้หวันของบรรดานักการเมืองต่างชาติ และหากไต้หวันและสหรัฐฯ เดินหน้าความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดระหว่างกัน ก็มีโอกาสที่จีนจะส่งโดรนเข้าไปมากขึ้น และผลที่ตามมาก็เป็นที่ชัดเจนแล้ว นับตั้งแต่ที่ไต้หวันเริ่ม "ยิงนัดแรก" ออกมา
"จีนจะตอบโต้อย่างรุนแรง หากไต้หวันยังคงยิงต่อเนื่อง" ฝู กล่าว
---หวั่นเกิดสงครามเต็มรูปแบบ---
นักวิเคราะห์ มองว่า ประเด็นดังกล่าว ทำให้เกิดความกังวลว่า อาจนำมาสู่การปะทะกันทางทหารได้ ซึ่งทั้งจีนแผ่นดินใหญ่และไต้หวัน ไม่น่าจะถอยหลังกลับ ทำให้สถานการณ์ดูมีแนวโน้มที่จะเสี่ยงมากขึ้น
แต่อย่างไรก็ตาม เย่ว กัง นายพลเกษียณแห่ง PLA ระบุว่า ไต้หวันได้ใช้ปืนไรเฟิล และปืนต่อต้านอากาศยาน ซึ่งไม่สามารถยิงโดรนให้ร่วงได้ มันเป็นการยิงเพื่อเตือน เป็นการส่งสัญญาณเตือนไปยังประเทศจีน ซึ่งเขามองว่า กองกำลังของไต้หวันยังคงพยายามรักษาสถานการณ์ให้อยู่ในระดับที่ควบคุมได้
“ปักกิ่งจะยังคงให้ความสำคัญกับการบินสำรวจด้วยโดรน ซึ่งจะเป็นการทำให้ความเชื่อมั่นของไต้หวันลดลง” เยว่ กล่าว
ขณะเดียวกัน ในโซเชียลมีเดียของจีน ได้มีการเผยแพร่ภาพซึ่งระบุว่า เป็นภาพถ่ายจากโดรนที่เข้าบริเวณเกาะจินเหมิน เป็นภาพของทหารไต้หวัน กำลังจ้องมาที่โดรนลำดังกล่าว ซึ่งอยู่ห่างออกไปถึง 1,000 เมตร โดยเจ้าหน้าที่ไต้หวันยืนยันแล้วว่า ภาพดังกล่าวเป็นภาพจริงที่ถ่ายเอาไว้โดยโดรนพลเรือนเมื่อวันที่ 16 สิงหาคมที่ผ่านมา
ภาพดังกล่าว ทำให้เกิดลัทธิชาตินิยมในจีนขึ้นตามมา โดยบางคนระบุว่า ภาพเหล่านี้ แสดงให้เห็นว่า จีนสามารถเก็บรายละเอียดของกองทัพไต้หวันได้มาก และอาจสามารถโจมตีเมื่อใดก็ได้ที่ต้องการ
ทั้งนี้ กองทัพไต้หวันระบุว่า ได้วางมาตรการไว้ 4 ระดับกรณีที่มีโดรนบินเข้าใกล้ คือ
1. ยิงเตือน
2. รายงานการบุกรุก
3. ขับไล่โดรน
4. ยิงทิ้ง
อย่างไรก็ตาม นอกจากประเด็นเรื่องโดรนแล้ว ยังมีรายงานว่ากองทัพจีนได้ส่งเครื่องบินทิ้งระเบิด H-6K และเครื่องบินรบ เข้าใกล้ไต้หวัน ซึ่งจีนระบุว่า เป็นการลาดตระเวนเป็นปกติ โดยมีขึ้นหลังจากที่สหรัฐฯ ได้ส่งเครื่องบินรบเข้าช่องแคบไต้หวัน โดยเน้นย้ำถึงเสรีภาพในการเดินเรือ
—————
แปล-เรียบเรียง: ภัทร จินตนะกุล
ภาพ: Reuters
ข้อมูลอ้างอิง: