รีเซต

‘สมุย’ ขอแจมเป็น ‘แซนด์บ็อกซ์’ ต่างชาติถึงไทยไร้โควิดเที่ยวได้ทันที หวังโค้งสุดท้ายทำเงินสะพัด 112 ลบ.

‘สมุย’ ขอแจมเป็น ‘แซนด์บ็อกซ์’ ต่างชาติถึงไทยไร้โควิดเที่ยวได้ทันที หวังโค้งสุดท้ายทำเงินสะพัด 112 ลบ.
มติชน
9 กันยายน 2564 ( 05:43 )
38
‘สมุย’ ขอแจมเป็น ‘แซนด์บ็อกซ์’ ต่างชาติถึงไทยไร้โควิดเที่ยวได้ทันที หวังโค้งสุดท้ายทำเงินสะพัด 112 ลบ.

นายรัชชพร พูลสวัสดิ์ นายกสมาคมส่งเสริมการท่องเที่ยวเกาะสมุย เปิดเผยว่า ความคืบหน้าการเปิดสมุยรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ ภายใต้โครงการ สมุย พลัส โมเดล หลังจากเปิดเกาะสมุย เกาะพะงัน และเกาะเต่า จังหวัดสุราษฎร์ธานี รับนักท่องเที่ยวต่างชาติ ในรูปแบบกำหนดเส้นทางท่องเที่ยวเฉพาะ (ซีลรูท) เมื่อวันที่ 15 กรกฎาคม ที่ผ่านมา ล่าสุดที่ประชุมคณะกรรมการศูนย์ปฏิบัติการควบคุมโรคอำเภอเกาะสมุย ได้เห็นชอบปรับรูปแบบการรองรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ จากรูปแบบซีลรูท เป็นแซนด์บ็อกซ์แทน เพื่อเพิ่มโอกาสในการดึงดูดนักท่องเที่ยวมากขึ้น โดยคาดว่าการเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติแบบแซนด์บ็อกซ์นั้น ในไตรมาส 4/2564 จะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาประมาณ 1,500 คนต่อเดือน รวม 3 เดือน (ตุลาคม-ธันวาคม) อยู่ที่ 4,500 คน การใช้จ่ายของต่างชาติอยู่ที่ 20,000-25,000 บาทต่อคนต่อทริป ไม่รวมค่าตรวจหาเชื้อ 3 ครั้งที่ต้องจ่ายเอง สร้างรายได้ไม่ต่ำกว่า 112 ล้านบาท หลังจากที่เริ่มเห็นบริษัททัวร์ที่แสดงความต้อง (ดีมานด์) หรือยืนยันว่าจะเข้ามาท่องเที่ยว อาทิ บริษัทปีกัสทัวร์ ที่ติดต่อมาว่า จะมีต่างชาติเข้ามาจำนวน 1,000 คนต่อเดือนแน่นอน

 

 

 

นายรัชชพร กล่าวว่า สำหรับรูปแบบแซนด์บ็อกซ์นั้น นักท่องเที่ยวต่างชาติที่เข้ามา เมื่อตรวจหาเชื้อโควิด-19 ในสนามบินแล้ว ต้องเดินทางเข้าที่พัก และรอผลตรวจในห้องพักเท่านั้น เมื่อยืนยันผลแล้วว่าไม่พบเชื้อ จะสามารถเดินทางท่องเที่ยวภายในเกาะสมุยได้ทั้งหมดอย่างอิสระ รวมถึงสามารถข้ามไปท่องเที่ยวในเกาะพะงันและเกาะเต่าได้ทันที หลังจากยืนยันผลไม่พบเชื้อโควิดแล้ว ซึ่งแตกต่างจากซีลรูท ที่กำหนดให้นักท่องเที่ยวต่างชาติต้องอยู่ในเกาะสมุยให้ครบ 7 วัน ตรวจหาเชื้อซ้ำในครั้งที่ 2 หากไม่พบเชื้อจะสามารถเดินทางออกไปเที่ยวในเกาะพะงันและเกาะเต่าได้ แต่ยังกำหนดให้ต้องอยู่ภายใน 3 เกาะให้ครบ 14 วัน ตรวจหาเชื้อซ้ำครั้งที่ 3 ในวันที่ 13-14 หากไม่พบเชื้อ จึงจะสามารถเที่ยวได้ทั่วประเทศไทย

 

 

 

“ขณะนี้เริ่มมีหลายประเทศที่ยกระดับคำเตือนในการเดินทางเข้าประเทศไทย หรือจัดให้ประเทศไทยอยู่ในกลุ่มสีแดง (ความเสี่ยงสูง) ที่มีความเสี่ยงของการระบาดโควิด-19 ซึ่งมีผลกระทบต่อการทำตลาดนักท่องเที่ยวต่างชาติ จึงเป็นสาเหตุที่แม้จะเปิดท่องเที่ยวในรูปแบบแซนด์บ็อกซ์แล้ว แต่ยังคาดการณ์จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติค่อนข้างน้อย เพราะเมื่อไทยถูกยกระดับให้เป็นประเทศเสี่ยงสูง นักท่องเที่ยวต่างชาติที่เข้ามา เมื่อเดินทางกลับประเทศต้นทางจะต้องถูกกักตัว และเสียค่าใช้จ่ายเองในหลักแสนบาท ทำให้นักท่องเที่ยวยกเลิกที่จะเดินทางมาเที่ยวไทย โดยเฉพาะประเทศอังกฤษ ที่เป็นประเทศอันดับ 2 ที่เดินทางเข้ามาเที่ยวไทยมากสุด” นายรัชชพร กล่าว

 

 

 

นายรัชชพร กล่าวว่า สำหรับตลาดเที่ยวในประเทศ หรือไทยเที่ยวไทย ถือเป็นความหวังหลัก เนื่องจากประเมินสัดส่วนนักท่องเที่ยวเป็นคนไทย 70% และต่างชาติ 30% โดยเฉพาะกรณีที่คาดว่าในเดือนตุลาคมนี้ จะสามารถใช้โครงการเราเที่ยวด้วยกัน และทัวร์เที่ยวไทย เพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยวได้ ซึ่งส่วนนี้อาจมีการสร้างแพคเกจท่องเที่ยวเพื่อตอบโจทย์ตลาดคนไทย ที่คาดว่าจะเดินทางเที่ยวในประเทศมากกว่า แต่การเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ ถือเป็นอีกก้าวในการเตรียมพร้อมก่อนเปิดรับแบบจำนวนมากต่อไป นอกจากนี้ ยังวางแผนกำหนดให้ นักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางผ่านท่าอากาศยานสุราษฎร์ธานี สามารถเปิดให้สายการบินเช่าเหมาลำจากรัสเซีย และอิสราเอล เข้ามาได้ เนื่องจากมีการติดต่อแสดคงามต้องการเข้ามาแล้วในเดือนพฤศจิกายนนี้ รวมถึงททท.และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง กำลังพิจารณาเปิดพื้นที่แหล่งท่องเที่ยวอุทยานแห่งชาติเขาสก และอ่างเก็บน้ำเขื่อนรัชชประภา (เขื่อนเชี่ยวหลาน) ให้ต่างชาติเที่ยวได้ ในรูปแบบซีลรูท หลังจากอยู่ในสมุยครบ 7 วันแล้ว

 

 

 

“การปรับรูปแบบรองรับต่างชาติเป็นแซนด์บ็อกซ์ เนื่องจากหารือร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแล้ว พบว่านักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้ามาเที่ยวสมุย พลัส โมเดล มีผู้ติดเชื้อโควิดเพียง 3-4 คนเท่านั้น จากจำนวนประมาณ 600 คน ซึ่งถือเป็นอัตราที่ต่ำมาก รวมถึงสถานการณ์การระบาดโควิดในเกาะสมุย ขณะนี้ พบผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่มขึ้นในส่วนของคนไทยเท่านั้น และพบจากการตรวจคนหาเชิงรุกเป็นหลัก โดยเฉพาะการตรวจพบในกลุ่มของผู้ที่อยู่ในสถานที่กักกันเชื้อ (แอลคิว) อยู่แล้ว ซึ่งเป็นตัวเลขที่ยอมรับได้ จึงมีความมั่นใจในระบบสาธารณสุข บวกกับสามารถเพิ่มโรงพยาบาลสนามได้เป็น 500 เตียง สามารถรองรับผู้ป่วยได้ 500 คน ทำให้มีความพร้อมในการปรับรูปแบบเป็นแซนด์บ็อกซ์ได้” นายรัชชพร กล่าว

ข่าวที่เกี่ยวข้อง