‘ฮาร์วาร์ด’ ฟ้อง ‘ทรัมป์’ ปมระงับงบวิจัย มูลค่ากว่า 72,000 ล้านบาท

มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด ยื่นฟ้องประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ ต่อศาลรัฐบาลกลางในเมืองบอสตัน เมื่อวันที่ 21 เมษายนที่ผ่านมา เพื่อคัดค้านการระงับงบประมาณจากรัฐบาลกลาง มูลค่ากว่า 2,200 ล้านดอลลาร์ หรือมากกว่า 72,000 ล้านบาท หลังจากมหาวิทยาลัยปฏิเสธไม่ทำตามข้อเรียกร้องจากทำเนียบขาว ซึ่งฮาร์วาร์ดระบุว่าเป็นการพยายามแทรกแซงความเป็นอิสระทางวิชาการ
ถือเป็นมหาวิทยาลัยแรกที่ลุกขึ้นสู้กับรัฐบาลสหรัฐฯ ภายใต้การนำของทรัมป์อย่างเป็นทางการ
ในคำฟ้อง ฮาร์วาร์ดกล่าวว่าการกระทำของฝ่ายบริหารทรัมป์เป็นการใช้อำนาจในทางที่ผิด โดยอาศัยงบประมาณเป็นเครื่องมือกดดันให้มหาวิทยาลัยยอมทำตามข้อเรียกร้องทางการเมือง และละเมิดสิทธิในการแสดงออกตามรัฐธรรมนูญสหรัฐฯ
โฆษกทำเนียบขาวกล่าวว่า มหาวิทยาลัยอย่างฮาร์วาร์ดใช้เงินภาษีของครอบครัวชาวอเมริกันไปเลี้ยงข้าราชการที่ได้ค่าตอบแทนสูงเกินจริง และเตือนว่าการได้รับงบประมาณจากภาษีไม่ใช่สิทธิ แต่เป็นสิทธิพิเศษ ซึ่งฮาร์วาร์ดไม่ผ่านเงื่อนไขพื้นฐาน
รัฐบาลทรัมป์ยื่นข้อเรียกร้องให้ฮาร์วาร์ด:
-ยุติโครงการด้านความหลากหลายและความเท่าเทียม (DEI)
-ห้ามสวมหน้ากากในการประท้วง
-ปฏิรูประบบการรับและจ้างบุคลากรโดยยึดความสามารถ (merit-based)
-ส่งรายงานการต่อต้านยิวและมุสลิมย้อนหลังตั้งแต่เดือนตุลาคม 2023
-เปิดเผยชื่อผู้จัดทำรายงานทั้งหมด พร้อมให้สัมภาษณ์กับเจ้าหน้าที่รัฐบาลกลาง
ด้านมหาวิทยาลัยชี้ว่า แม้ยอมรับปัญหาการต่อต้านชาวยิว และตั้งกลุ่มปฏิบัติการแก้ไขปัญหานี้ แต่รัฐบาลกลับเลือกหยุดงบวิจัยทางการแพทย์ วิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยีที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใด ๆ กับปัญหาต่อต้านชาวยิวเลย
อย่างไรก็ตาม แม้ฮาร์วาร์ดจะมีเงินบริจาคสะสมกว่า 5 หมื่นล้านดอลลาร์ หรือมากกว่า 1.6 ล้านล้านบาท แต่มหาวิทยาลัยระบุว่า จุดประสงค์ของการฟ้องร้องไม่ใช่เพื่อเรียกร้องเงินทุนคืน แต่เพื่อปกป้องสิทธิตามรัฐธรรมนูญและความเป็นอิสระของมหาวิทยาลัย
หากฮาร์วาร์ดไม่ปฏิบัติตามข้อเรียกร้องของรัฐบาล รัฐบาลขู่ไว้ว่าจะเพิกถอนสิทธิ์ในการรับนักศึกษาต่างชาติ/ เพิกถอนสถานะยกเว้นภาษีของมหาวิทยาลัย/ และระงับสัญญาวิจัยด้านสาธารณสุขมูลค่าอีก 1 พันล้านดอลลาร์
นอกจากนี้ จดหมายจากหน่วยงานสิทธิพลเมืองในกระทรวงสาธารณสุขสหรัฐฯ ยังเรียกร้องให้ฮาร์วาร์ดส่งรายชื่อผู้เขียนรายงานเกี่ยวกับการต่อต้านยิวและชาวมุสลิม พร้อมทั้งเปิดให้สัมภาษณ์โดยตรง