ปลูกพืชด้วย “หมอก” พลิกทะเลทรายที่แล้งที่สุดในโลก ให้กลายเป็นพื้นที่เพาะปลูกได้!

ในใจกลางทะเลทรายอาตากามา (Atacama Desert) ของประเทศชิลีซึ่งได้รับการขนานนามว่าเป็น “ทะเลทรายที่แห้งแล้งที่สุดในโลก” นวัตกรรมชิ้นหนึ่งกำลังสร้างความหวังใหม่ให้แก่การเกษตรในพื้นที่กันดาร ด้วยการเปลี่ยนหมอกให้กลายเป็นน้ำ
เทคโนโลยีที่ว่านี้คือ “ตาข่ายดักหมอก” (Fog Catcher) ซึ่งเป็นระบบที่ใช้ตาข่ายใยสังเคราะห์ชนิดพิเศษ ขึงระหว่างเสาสูง เพื่อจับละอองน้ำในหมอก เมื่อละอองหมอกกระทบกับตาข่าย จะกลั่นตัวกลายเป็นหยดน้ำ และไหลลงสู่ถังเก็บน้ำที่วางอยู่ด้านล่าง แม้ฟังดูเรียบง่าย แต่ระบบนี้สามารถเก็บน้ำได้ มากถึง 1,000–1,400 ลิตรต่อวัน ในบางพื้นที่ และสิ่งที่สำคัญคือ น้ำจากหมอกมีความบริสุทธิ์สูง ปราศจากแร่ธาตุหรือสารปนเปื้อน เหมาะอย่างยิ่งสำหรับการปลูกพืชอินทรีย์
ในบริเวณใกล้เมืองชาแนรัล (Chanaral) พื้นที่ที่แทบไม่มีฝนตกตลอดทั้งปี กลุ่มเกษตรกรและนักวิจัยได้ทดลองปลูก ผักกาดหอมแบบไฮโดรโพนิกส์ โดยใช้น้ำจากหมอกเพียงอย่างเดียว ผลลัพธ์ที่ได้เกินความคาดหมาย ผักกาดหอมเจริญเติบโตดีและมีคุณภาพสูงกว่าพืชชนิดอื่นที่เคยทดลองมาก่อน นี่จึงกลายเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่ทำให้โครงการมุ่งเน้นไปที่พืชชนิดนี้เป็นหลัก นอกจากผักกาดหอม ยังมีการทดลองปลูก ต้นเลมอน ซึ่งก็ประสบความสำเร็จเช่นกัน แสดงให้เห็นว่าเทคโนโลยีนี้สามารถนำไปประยุกต์ใช้กับพืชหลากหลายชนิดได้
เพื่อสนับสนุนการขยายแนวคิดนี้อย่างยั่งยืน ศูนย์วิจัย UC Atacama Desert Center ได้พัฒนาแพลตฟอร์มแผนที่ออนไลน์ ที่แสดงตำแหน่งพื้นที่ที่มีศักยภาพในการดักจับหมอกทั่วประเทศชิลี ข้อมูลนี้เปิดเผยต่อสาธารณะ เพื่อสนับสนุนชุมชนท้องถิ่นให้นำไปใช้วางแผนการเกษตรและการจัดการน้ำอย่างมีประสิทธิภาพ
จากผลการทดลองปลูกพืชในครั้งนี้ทำให้พบว่าไอน้ำในอากาศมีอยู่เสมอ แม้ในทะเลทราย การใช้ตาข่ายดักหมอกจึงถือเป็นนวัตกรรมที่ เรียนรู้จากธรรมชาติ และใช้พลังงานต่ำ ไม่ต้องใช้เครื่องจักรหรือแหล่งพลังงานอื่นใด เหมาะสำหรับพื้นที่ห่างไกลที่เข้าไม่ถึงระบบสาธารณูปโภค เทคโนโลยีนี้เคยถูกนำมาใช้แล้วในหลายประเทศ เช่น เปรู โมร็อกโก และเอธิโอเปีย ซึ่งต่างก็พบว่าช่วยบรรเทาปัญหาขาดแคลนน้ำได้อย่างมีประสิทธิภาพ
แม้ทะเลทรายอาตากามาจะเป็นหนึ่งในสถานที่ที่โหดร้ายที่สุดสำหรับสิ่งมีชีวิต แต่นวัตกรรมจากหมอกนี้กำลังเปลี่ยนแปลงภูมิทัศน์ของพื้นที่ดังกล่าว ให้กลายเป็นแหล่งผลิตอาหารที่ยั่งยืนและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม นี่คือ ตัวอย่างของการอยู่รอดด้วยความเข้าใจธรรมชาติ ไม่ใช่ต่อสู้กับมัน และอาจเป็นแนวทางสำคัญสำหรับโลกที่กำลังเผชิญกับวิกฤตโลกร้อนและภัยแล้งเพิ่มขึ้นทุกปี
Tag
ยอดนิยมในตอนนี้
