ทีมประเทศไทยพร้อมเจรจาภาษีกับสหรัฐฯ 23 เมษายนนี้

วันนี้ (17 เมษายน 2025) เวลา 14:40 น. ณ โถงทางเชื่อมตึกไทยคู่ฟ้า นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน ภายหลังหารือทวิภาคีกับ ดาโตะ เซอรี อันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ในโอกาสเดินทางเยือนประเทศไทยเพื่อการเจรจาทำงาน (Working Visit)
ส่วนหนึ่งมีการหารือเกี่ยวกับเรื่องกำแพงภาษีของประเทศสหรัฐอเมริกา ที่มีการพูดคุยกันว่ากลุ่มประเทศอาเซียนจะรวมพลังอย่างไรได้บ้าง นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า หากรวมประชากรในอาเซียนทั้งหมด ถือว่ามีจำนวนมากและมีความแข็งแรง แต่ต้องมาดูว่าแต่ละประเทศจะมีทางออกอย่างไร ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับประเทศนั้นในการหาทางออก ในฐานะที่นายอันวาร์เป็นประธานอาเซียนก็อยากได้รับความร่วมมือว่าจะมีทางออกและทางแก้ไขอย่างไรบ้าง
สำหรับรายละเอียดของการเจรจา ยังไม่มีรายละเอียดหลัก ๆ ออกมาเป็นข้อ ๆ แต่เป็นการพูดคุยสนับสนุนในกลุ่มของอาเซียน ซึ่งประเทศไทยก็พร้อมให้การสนับสนุน และให้การร่วมมือ โดยจะเน้นในเรื่องของความสงบสุข ไม่เน้นเรื่องความรุนแรง อะไรที่สามารถเจรจาได้แบบวินวิน ก็จะพยายามทำแบบนั้น
ในส่วนการเดินหน้าของรัฐบาลไทย นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การพูดคุยอย่างเป็นทางการ มีนายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ที่จะเป็นบุคคลไปเจรจาก่อน โดยนัดวันเจรจาไว้แล้วคือ 23 เมษายนนี้ เป็นในส่วนของระดับรัฐมนตรีกับรัฐมนตรีเช่นเดียวกัน แต่ยังไม่มั่นใจว่าจะเป็นรัฐมนตรีท่านใด ขอให้รอฟังอีกครั้ง
นายกรัฐมนตรี เชื่อว่าประเทศไทยมีความแข็งแรงในการไปเจรจาต่อรอง และมั่นใจว่า จะเป็นเรื่องที่ส่งผลดีต่อ 2 ประเทศ ที่ต่างตอบแทนผลประโยชน์ได้ทั้ง 2 ฝ่าย เนื่องจากสองประเทศมีความสัมพันธ์มายาวนาน เชื่อว่าการเจรจาจะส่งผลดี
ส่วนนายกรัฐมนตรีจะมีโอกาสต่อสายถึงประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาหรือไม่นั้น นายกรัฐมนตรี ระบุว่าในเหตุการณ์ปกติสามารถทำได้ แต่ สถานการณ์ ณ ขณะนี้ มีหลายประเทศที่ต้องการจะพูดคุย ในส่วนประเทศไทยจึงขอให้เป็นไปตามกระบวนการ ซึ่งในหลายทางที่จะสามารถพูดคุยได้ก็จะดำเนินการเช่นนั้น ย้ำว่า ตัวเองก็ทำ แม้จะไม่เป็นทางการแต่อะไรที่เป็นเรื่องของความสัมพันธ์ที่มากเร่งรัดได้ก็จะทำ
นายกรัฐมนตรียังพูดถึงการเจรจาในครั้งนี้ว่า ได้เน้นในเรื่องการช่วยเหลือผู้ประกอบการไทย เพราะได้พูดคุยกับทีมงานว่า ประเทศไทยควรจะสนับสนุนภาคเอกชน ในการลงทุนกับต่างประเทศ ซึ่งที่ผ่านมารัฐบาลยังไม่มีความชัดเจนในเรื่องนี้ แต่ในขณะนี้รัฐบาลกำลังจะดำเนินการให้ชัดเจน หากมีความคืบหน้าจะเปิดเผยให้ทราบอีกครั้ง ซึ่งในปัจจุบันหากภาคเอกชนต้องการจะลงทุนกับต่างประเทศ ต้องอาศัยพึ่งพากำลังของตัวเอง ส่วนตัวจึงเชื่อว่าหากภาครัฐเข้าไปสนับสนุนจะทำให้ยิ่งใหญ่และดีกว่าเดิมได้ และในฐานะที่เคยอยู่ภาคเอกชน เชื่อว่าหากได้รับความร่วมมือกับทางภาครัฐก็จะสามารถทำประโยชน์ให้กับประเทศได้มาก