รีเซต

ยานยนต์ : เบนซ์เดินหน้า‘ชาร์จทูเชนจ์’ กระตุ้นให้ชาร์จไฟรถปลั๊กอิน

ยานยนต์ : เบนซ์เดินหน้า‘ชาร์จทูเชนจ์’ กระตุ้นให้ชาร์จไฟรถปลั๊กอิน
มติชน
6 กรกฎาคม 2563 ( 10:16 )
111
ยานยนต์ : เบนซ์เดินหน้า‘ชาร์จทูเชนจ์’ กระตุ้นให้ชาร์จไฟรถปลั๊กอิน

ยานยนต์ : เบนซ์เดินหน้า‘ชาร์จทูเชนจ์’ กระตุ้นให้ชาร์จไฟรถปลั๊กอิน

รายงายข่าวจาก บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด แจ้งว่า เบนซ์ได้เปิดตัวโครงการ ชาร์จ ทู เชนจ์ (Charge to Change) เชิญชวนผู้ใช้รถยนต์ปลั๊กอินไฮบริดสามารถใช้พลังงานไฟฟ้าร่วมกับพลังงานน้ำมัน หันมาปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้งานมาชาร์จพลังงานไฟฟ้าให้บ่อยขึ้น ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยลดปัญหาฝุ่น PM2.5 สร้างสิ่งแวดล้อมที่ดีขึ้น พร้อมทั้งสร้างสุขภาวะที่ดีขึ้นให้กับคนไทย

มร.โรลันด์ โฟล์เกอร์ ประธานบริหาร บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา โควิด-19 เป็นปัญหาสำคัญส่งผลกระทบกับผู้คนทั่วโลก นำไปสู่การที่พวกเราต้องเว้นระยะห่างทางสังคมเพื่อลดการระบาด ส่วนปัญหามลภาวะทางอากาศของฝุ่น PM2.5 เกิดขึ้นก่อนหน้านี้นั้นดูเหมือนจะบรรเทาเบาบางลงและไม่ได้รับการพูดถึงมากนัก แต่ในความเป็นจริง ปัญหานี้ยังอยู่กับเรา ไม่ได้หายไปไหน และการเดินทางด้วยรถยนต์ก็เป็นสาเหตุสำคัญอย่างหนึ่งที่ทำให้เกิด PM2.5 ข้อมูลจากกรมควบคุมมลพิษระบุชัดเจนว่า มากกว่าร้อยละ 50 ของฝุ่นละออง PM2.5 นั้นมาจากการเดินทางโดยรถยนต์ และเฉพาะในกรุงเทพฯ เพียงเมืองเดียวก็มีจำนวนรถยนต์จดทะเบียนอยู่มากกว่า 10 ล้านคัน ไม่ว่าจะมีโควิดหรือหลังจากโควิดผ่านพ้นไป ปัญหา PM2.5 จะยังเป็นปัญหาใหญ่ที่คนไทยทุกภาคส่วนต้องหันมาร่วมมือกันแก้ไข

“จึงเป็นที่มาของการสร้างสรรค์โครงการชาร์จทูเชนจ์ขึ้น เพื่อกระตุ้นให้ผู้ใช้รถยนต์พลังงานไฟฟ้าทั้งผู้ใช้
เมอร์เซเดส-เบนซ์และผู้ใช้รถยนต์ แบรนด์อื่นๆ ตระหนักว่า คุณสามารถมีส่วนร่วมในการเปลี่ยนโลกให้สะอาดขึ้นพร้อมทั้งลดปัญหา PM2.5 ได้เพียงหันมาชาร์จรถยนต์ของคุณให้บ่อยขึ้น นอกจากนี้เรายังจะประสานความร่วมมือกับผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในทุกภาคส่วน ร่วมมือกันขับคลื่อนเพื่อผลักดันให้กรุงเทพฯ กลายเป็นฮับของการเดินทางโดยรถยนต์พลังงานสะอาดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในอนาคตด้วย” มร.โรลันด์กล่าว

มร.โรลันด์กล่าวว่า โครงการนี้เป็นโครงการระยะยาว แบ่งออกเป็น 3 เฟส ได้แก่ เฟสที่ 1 การกระตุ้นให้ผู้ใช้รถยนต์เปลี่ยนแปลงพฤติกรรม เมอร์เซเดส-เบนซ์พบว่า ผู้ใช้รถยนต์อีคิว เพาเวอร์ (EQ Power) หรือรถยนต์ปลั๊กอินไฮบริด หลายท่านมักจะไม่ชาร์จพลังงานไฟฟ้าด้วยสาเหตุสำคัญ 3 ประการคือ ไม่ทราบว่ารถยนต์ของตัวเองชาร์จได้ ไม่ทราบว่าจะชาร์จได้ที่ไหนบ้าง และไม่สนใจที่จะชาร์จเพราะเติมน้ำมันแล้วขับด้วยน้ำมันสะดวกกว่า เมอร์เซเดส-เบนซ์จึงมุ่งสร้างความตระหนักรู้ ทั้งผ่านวิดีโอออนไลน์และการร่วมมือกับบุคคลชั้นนำในวงการต่างๆ เพื่อบอกเล่าเรื่องราวกระตุ้นให้ผู้ใช้รถยนต์รับรู้ว่า เพียงแค่ขับขี่ด้วยโหมดการขับขี่ไฟฟ้าในทุกวัน คุณก็สามารถมีส่วนช่วยลดปริมาณฝุ่น PM2.5 ได้ทันทีในทุกการขับขี่ และไม่จำเป็นต้องเป็นรถยนต์ของเมอร์เซเดส-เบนซ์เท่านั้น แต่ผู้ใช้รถยนต์ไฮบริดปลั๊กอินจากแบรนด์ใดก็สามารถมีส่วนช่วยสร้างสิ่งแวดล้อมที่สะอาดขึ้นได้เช่นกัน

เฟสที่ 2 การสร้างเครือข่ายการชาร์จที่มีความพร้อมและสะดวกมากขึ้นสำหรับผู้ใช้รถ เมอร์เซเดส-เบนซ์จะร่วมมือกับผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในหลายวงการเพื่อขยายเครือข่ายการชาร์จ โดยเฉพาะการเพิ่มจำนวนสถานีชาร์จ เพื่อทำให้ประสบการณ์ในการชาร์จพลังงานไฟฟ้าเป็นประสบการณ์ที่ทั้งสะดวกและเข้าถึงง่ายที่สุดสำหรับผู้ใช้รถยนต์ปลั๊กอินไฮบริด โดยเมอร์เซเดส-เบนซ์จะเริ่มต้นด้วยการมอบวอลล์บ็อกซ์ (Wallbox) สำหรับการชาร์จไฟฟ้าจำนวน 100 ชุด ให้กับพันธมิตรที่เกี่ยวข้อง

และเฟสที่ 3 สู่การสร้างบรรทัดฐานใหม่ในการใช้รถยนต์พลังงานไฟฟ้า เมอร์เซเดส-เบนซ์มุ่งหวังให้โครงการนี้มีส่วนผลักดันให้ประเทศไทยกลายเป็นพื้นที่ของการขับขี่ด้วยพลังงานสะอาด ลดปัญหามลภาวะทางอากาศ สร้างสิ่งแวดล้อมที่ดีขึ้น และสร้างสุขภาวะที่ดีขึ้นอย่างยั่งยืนในระยะยาว

มร.โรลันด์กล่าวว่า สำหรับยอดขายเมอร์เซเดส-เบนซ์ ในไตรมาสที่ 1 ของปี 2563 รถยนต์สปอร์ตสมรรถนะสูงภายใต้แบรนด์เมอร์เซเดส-เอเอ็มจี (Mercedes-AMG) สามารถทำยอดขายได้เพิ่มขึ้นถึง 54% เมื่อเทียบกับไตรมาสที่ 1 ของปีที่แล้ว ส่วนรถยนต์ อีคิว เพาเวอร์ หรือรถยนต์ปลั๊กอินไฮบริดของเมอร์เซเดส-เบนซ์มีสัดส่วนของยอดขายที่เพิ่มขึ้นถึง 31% เมื่อเทียบกับไตรมาสที่ 1ของปีที่แล้ว แสดงให้เห็นว่า เทรนด์ความต้องการของผู้บริโภคที่มีต่อรถยนต์พลังงานทางเลือกที่ดีต่อสิ่งแวดล้อมนั้นเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง สอดคล้องกับโครงการชาร์จทูเชนจ์ โครงการระยะยาวที่เมอร์เซเดส-เบนซ์ตั้งใจจะกระตุ้นให้ผู้บริโภคหันมาตระหนักในการมีส่วนร่วมในการสร้างสิ่งแวดล้อมที่ดีขึ้นในอนาคต

ข่าวที่เกี่ยวข้อง