รีเซต

ซีอีโอ 85% กระทบหนัก หนุนเปิดประเทศชิงนักท่องเที่ยว แนะคลังอัดงบ 3-5 แสนล้าน ดันจีดีพี

ซีอีโอ 85% กระทบหนัก หนุนเปิดประเทศชิงนักท่องเที่ยว แนะคลังอัดงบ 3-5 แสนล้าน ดันจีดีพี
มติชน
1 ตุลาคม 2564 ( 13:36 )
42
ซีอีโอ 85% กระทบหนัก หนุนเปิดประเทศชิงนักท่องเที่ยว แนะคลังอัดงบ 3-5 แสนล้าน ดันจีดีพี

ซีอีโอหนุนเปิดประเทศชิงนักเที่ยว ปชช.หวังรัฐแลกปีใหม่ช่วยใช้จ่าย ม.หอค้าไทย แนะคลังอัดงบชุดใหญ่ข้ามปี 3-5 แสนล้านบาท ดันจีดีพี5-6%

 

 

นายธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย และประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยผลสำรวจนักธุรกิจ (ซีอีโอ) และประชาชนต่อสถานการณ์โควิด-19 ในปัจจุบัน ว่า ส่วนใหญ่ 85% ระบุได้รับผลกระทบปานกลางถึงมาก ทำให้รายได้ลดลง หนี้เพิ่ม ค่าอาหาร/ค่าน้ำ/ค่าไฟสูงขึ้น หางานทำยาก และไม่ได้รับเงินเยียวยาจากภาครัฐ

 

 

ดังนั้น เห็นด้วยที่รัฐผ่อนคลายล็อกดาวน์ เพราะจะส่งผลดีต่อเศรษฐกิจประเทศและเศรษฐกิจจังหวัด แต่กว่า 60% ระบุยังไม่กล้าทำกิจกรรมนอกบ้าน ทั้งการกลับไปทำงาน เดินทาง ท่องเที่ยว กินข้าวนอกบ้าน และใช้จ่ายเหมือนปกติ โดยระบุขอดูสถานการณ์อีก 4-10 เดือนจากนี้ที่จะกล้าทำกิจกรรมในด้านต่างๆ แต่อย่างไรก็ตาม ส่วนใหญ่ 80 % ยังเห็นว่าควรคลายล็อกดาวน์ที่เหลือ และภาพรวมต่อการเปิดประเทศ

 

 

ในส่วนของความเห็นเปิดประเทศ 50.3% เห็นด้วย เพราะเห็นว่าเป็นการสร้างรายได้เข้าประเทศ และเพิ่มโอกาสการค้า แต่ 49.7% ยังไม่เห็นด้วย เพราะกลัวการระบาดโควิดสายพันธ์ใหม่ และยังฉีดวัคซีนไม่ครบตามเป้าหมายรัฐ โดยเห็นว่าควรเปิดในอีก 4-5 เดือนข้างหน้า พร้อมเร่งรัดเรื่องการฉีดวัคซีน รัฐใช้จ่ายกระตุ้นเศรษฐกิจ แก้ปัญหาตกงาน หนี้ครัวเรือน ค่าครองชีพสูง และการเมืองตั้องมีเสถียรภาพ

 

 

“ผลสำรวจสะท้อนว่าทุกคนอยากให้คลายล็อกและเปิดประเทศแต่ทำแบบค่อยเป็นค่อยไป จนมาตรการดูแลการระบาด และรัฐบาลใช้นโยบายการคลัง เติมเงินใช้จ่ายในระบบเศรษฐกิจ ซึ่งดูได้จากล็อกดาวน์เงินใช้จ่ายหายไปจากระบบ 2 หมื่นล้านบาทต่อวัน เหลือ 5-6 พันล้านบาทต่อวัน เมื่อคลายล็อกคาดใช้จ่ายเพิ่มเป็น1-1.2 หมื่นล้านบาทต่อวัน เปิดให้กินดื่มและลดเคอร์ฟิวจะสะพัด 5-6 หมื่นล้านบาทต่อเดือน จะมีผลต่อจีดีพี0.5%ในไตรมาส4ปีนี้

 

 

รวมกับการเปิดประเทศที่ประเมินไว้เดือนพฤศจิกายน คาดจะมีนักท่องเที่ยวเข้าไทย 1แสนคนต่อเดือน 2 เดือนสุดท้ายปีนี้ จะมีนักท่องเที่ยวเข้าไทย 2-3 แสนคน สร้างเงินเข้าระบบอีก 1.2 หมื่นล้านบาท หลายประเทศให้นักท่องเที่ยวเข้าประเทศแล้วพบว่าเงินจากท่องเที่ยวเพิ่มรวดเร็ว ซีอีโอมองว่าไทยก็ไม่ควรช้ากว่าประเทศอื่นๆ และบวกกับเงินมาตรการเติมเงินในกระเป๋าประชาชนใน 1-2 เดือนจากนี้ ให้เกิดเงินสะพัดในระบบอีกอย่างต่ำ 2-3 แสนล้านบาท ก็จะทำให้ไตรมาส4 โตได้ 3-4% จากที่ไตรมาส 3 คาดติดลบ2-4% กับครึ่งปีแรกจีดีพีเป็น0% ก็ทำให้ทั้งปีนี้เศรษฐกิจโต 1%” นายธนวรรธน์ กล่าว

 

 

นายธนวรรธน์ กล่าวว่า จากผลสำรวจธุรกิจและประชาชนยังมองว่าเศรษฐกิจจะฟื้นตัวได้กลางปี 2565 โดยศูนย์พยากรณ์มองว่าปีหน้าเศรษฐกิจโต 5% อาจต่ำกว่าที่ประชุมกกร มองไว้ 6-8% แต่อย่างไรก็ตาม หากจะให้เศรษฐกิจฟื้นตัวไม่ว่าจะเท่าไหร่ จากนี้รัฐต้องเร่งผลักดัน

1. สร้างความเชื่อมั่นการดูแลสถานการณ์โควิด-19 เร่งฉีดวัคซีนและเริ่มเข็ม 3 เพื่อนำไปสู่การคลายล็อกกิจการและเปิดประเทศ เพื่อชิงนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าไทยอย่างต่ำ 20 ล้านคนในปีหน้า
2. พยุงเงินบาทอ่อนค่า เพื่อสร้างแต้มต่อการส่งออกให้บวกต่อเนื่อง
3. เร่งมาตรการการคลัง และแคมเปญกระตุ้นใช้จ่ายและท่องเที่ยวที่แรงกว่าเดิม เช่น ท่องเที่ยวคนละครึ่งและใช้จ่ายคนละครึ่งที่รัฐช่วยเงินใช้จ่าย การลดหย่อนภาษีสำหรับช้อปดีมีคืน เที่ยวทั่วไทย และจัดสัมมนาของท้องถิ่น กระตุ้นใช้จ่ายจากการเลือกตั้งท้องถิ่น ควรมีการสร้างให้เกิดเงินเข้าระบบ 5-8 แสนล้านบาทในครึ่งปีแรก 2565 มาตรการใดที่รัฐเคยใช้ก็เพิ่มงบเพิ่มเวลาให้มากขึ้น จะเป็นการกระตุ้นใช้จ่ายฟื้นเศรษฐกิจเร็วที่สุดในขณะนี้ เพราะนโยบายการเงินยังไม่ได้ผลเพราะธนาคารยังไม่กล้าปล่อยกู้ เงิน (ซอฟต์โลน) ที่เตรียมไว้เพื่อใช้มาตรการการเงินจึงเหลือมาก มาตรการคลังเป็นเรื่องที่ประชาชนต้องการมากสุดตอนนี้
4. เร่งรัดดึงนักลงทุนต่างชาติและเปิดให้แรงงานระดับผู้บริหารมาอยู่ไทย 5 หมื่นถึง 1 แสนคนต่อปี ซึ่งส่งผลต่อกระตุ้นการซื้ออสังหาริมทรัพย์ในประเทศ และท่องเที่ยวถาวร ทั้งหมดนี้หากรัฐมีการทำต่อเนื่องและอัดงบการคลังเต็มที่ เชื่อว่าเศรษฐกิจจะโตได้6-7% อยากที่ภาคเอกชนคาดไว้มีโอกาสสูง ดูอย่างสหรัฐ ตามนโยบายโจ ไบเดน เร่งฉีดวัคซีน เปิดประเทศ และอัดเงินช่วยเหลือเยียวยาประชาชน ทำให้จีดีพีโตถึง 6% เกินคาดที่ตั้งไว้ 2-3%

“จากสำรวจแหล่งท่องเที่ยวและโรงแรม เริ่มเห็นคนรุ่นใหม่จองที่พักเพื่อเดินทางท่องเที่ยวกันแล้ว หลังจากรัฐผ่อนคลายและหลายประเทศเริ่มจองล่วงหน้าที่จะเข้าไทยรอแค่การเปิดประเทศ ผมเชื่อว่ารัฐเปิดผับบาร์และกิจกรรมบันเทิง คนที่อั้นมานานจะออกมาใช้จ่ายทันที ตอนนี้ปัจจัยที่กดดันความเชื่อมั่น อันดับแรกคือโควิด-19 ตามด้วยรอเศรษฐกิจฟื้น น้ำท่วมรุนแรง และสถานการณ์การเมือง ที่เริ่มส่งสัญญาณกังวลในระยะต่อไป” นายธนวรรธน์ กล่าว

ข่าวที่เกี่ยวข้อง