รีเซต

โบรกฯ ส่องกระแสลดค่าไฟเหลือ 3.70 บาท กระทบต่อหุ้นไหน-อย่างไร

โบรกฯ ส่องกระแสลดค่าไฟเหลือ 3.70 บาท กระทบต่อหุ้นไหน-อย่างไร
ทันหุ้น
7 มกราคม 2568 ( 10:12 )
20

#ทันหุ้น-ฝ่ายวิจัยบล.เอเซีย พลัส ระบุว่า กรณีรัฐบาลเตรียมหารือพิจารณาหาแนวทางลดค่าไฟ โดยเบื้องต้นมี 4 แนวทางประกอบด้วย

 

1) ไม่ต่อสัญญาซื้อขายไฟ ADDER ปี 2568 ที่จะหมดอายุของผู้ผลิตไฟฟ้าเอกชน

2) ขยายเวลาจ่ายคืนค่า FT ที่นำไปคืนหนี้ให้แก่ กฟผ.

3)ขยายเวลาชำระคืนค่าก๊าซฯ ให้แก่ ปตท. และ กฟผ.

4) ขอให้ผู้ผลิตไฟฟ้าภาคเอกชนทั้ง IPP และ SPP ลดอัตรากำไรลง 

 

ประเด็นดังกล่าว หากพิจารณาในส่วนของโครงสร้างค่าไฟฟ้าปัจจุบันที่มีการเรียกเก็บราว 4.15 บาท/หน่วย จะพบว่ามีต้นทุนที่เกี่ยวข้องกับค่าใช้จ่าย ADDER อยู่ราว 0.15 บาท/หน่วย ดังนั้น กรณีไม่ต่อซื้อขายไฟ ADDER ปี 2568 ที่จะหมดอายุ ฝ่ายวิจัยมองว่า จะสามารถลดค่าไฟลงได้สูงสุด 0.15 บาท/หน่วย อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าสัญญา ADDER จะไม่ได้หมดอายุพร้อมกันทุกโครงการในปี 2568 จึงคาดต้นทุนค่าไฟฟ้าจากส่วนนี้จะค่อยๆทยอยปรับตัวลดลงตามลับดับ 

 

นอกจากนี้ ในส่วนของค่าภาระหนี้คงค้าง กฟผ. ปัจจุบันมีการเรียกเก็บที่สัดส่วนราว 0.20 บาท/หน่วย และยังไม่มีการเรียกเก็บต้นทุนก๊าซฯคงค้างคืนให้แก่ ทปต. ดังนั้นแม้จะไม่มีการเก็บเงินชดเชยคืนหนี้ดังกล่าว คาดจะทำให้ค่าไฟลดลงจากงวดปัจจุบันที่ 4.15 บาท มาอยู่เพียง 3.95 บาท/หน่วย ซึ่งก็ยังไม่ถึงระดับ 3.70 บาท/หน่วย

 

ดังนั้นการหาแนวทางปรับโครงสร้างค่าไฟ อาจจะต้องรอพิจารณาอีกครั้งว่ารัฐบาลจะพิจารณาปรับจากส่วนไหน เบื้องต้นกรณีที่เลวร้ายสุด โดยหากลดค่าไฟฟ้าลง 0.45บาทต่อหน่วย จากปัจจุบัน 4.15 บาท/หน่วย มาอยู่ที่ 3.70 บาท/หน่วย โดยกำหนดให้สมมติฐานให้ค่าไฟฟ้าฐาน และต้นทุนก๊าซฯธรรมชาติคงที่ คาดจะส่งผลกระทบต่อกลุ่มผู้ประกอบการโรงไฟฟ้า SPP อาทิ BGRIM , GPSC, และ GULF ให้กำไรลดลงราว ราว 1.8 พันล้านบาท, 630 ล้านบาท, และ 600 ล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วนกำไรปกติทั้งปี 2568 ที่ 30%, 27% และ 3% ตามลำดับ 

 

อย่างไรก็ตามในความเป็นจริงคงต้องพิจารณาสถานการณ์ในหลายองค์ประกอบ ณ ช่วงเวลานั้นๆ เช่น ราคาก๊าซฯ หรือแนวทางการบริหารต้นทุนในแต่ละบริษัท เป็นต้น 

 

นอกจากนี้ หากภาครัฐหาแนวทางลดค่าไฟด้วยการปรับลดราคาก๊าซลงได้ ส่วนที่เป็นการลดลงของราคาก๊าซฯ ไม่น่าจะกระทบต่อ MARGIN ของผู้ประการโรงไฟฟ้า SPP อย่างมีนัยฯ หรือหากเป็นกรณีช่วยเหลือเฉพาะกลุ่มเปราะบางที่ใช้ไฟฟ้าไม่เกิน 300 หน่วย เหมือนที่เคยมีนโยบายในช่วงก่อนหน้า คาดผู้ประกอบการ SPP จะไม่ได้รับผลกระทบเช่นกัน ในขณะที่หากเป็นกรณีที่เป็นการปรับปรุงตัวแปรอื่นๆในโครงสร้างค่าไฟฟ้าฐาน อาจต้องมาพิจารณาในรายละเอียดอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งฝ่ายที่มีโอกาสได้รับผลกระทบ คาดจะเป็นไปได้ทั้งฝั่งภาครัฐฯ, กฟผ., และภาคเอกชน ดังนั้นจึงถือเป็นประเด็นที่ยังต้องติดตาม ช่วงสั้นถือเป็น SENTIMENT เชิงลบกดดันต่อหุ้นกลุ่มโรงไฟฟ้า จากความไม่ชัดเจนของแนวทางภาครัฐฯในปัจจุบัน 

ยอดนิยมในตอนนี้

แท็กยอดนิยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง