SCBเป้าเบอร์1ธุรกิจเวลธ์ ปักธงAUAโตมากกว่า10%

#SCB #ทันหุ้น – SCB วางเป้าหมายขึ้นเป็นอันดับ 1 ด้านธุรกิจบริหารความมั่งคั่งในประเทศไทย ภายในปี 2569 ซึ่งเป็นหนึ่งในเครื่องยนต์หลักสร้างการเติบโตของธนาคาร ชู 3 แกนหลักสำคัญ โดยตั้งเป้า AUA เติบโตไม่น้อยกว่า 10% ขณะที่ยังคงเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อ คาดปีนี้ขยายตัว 1-3% พร้อมกับการดูแลลูกค้าอย่างต่อเนื่อง
นายกฤษณ์ จันทโนทก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารไทยพาณิชย์ หรือ SCB เปิดเผยว่า ธนาคารตั้งเป้าหมายขึ้นเป็นอันดับ 1 ด้านธุรกิจบริหารความมั่งคั่งในประเทศไทย ภายในปี 2569 ซึ่งธุรกิจนี้คิดเป็นสัดส่วนรายได้ไม่น้อยกว่า 20% ของธนาคาร และมีลูกค้าภายใต้การดูแลอยู่ประมาณ 500,000 ราย
พร้อมกับชู 3 แกนหลักสำคัญ ได้แก่ 1) Customer Centricity เข้าใจทุกความต้องการของลูกค้าในแต่ละช่วงชีวิตอย่างลึกซึ้ง และยึดผลประโยชน์ของลูกค้าเป็นศูนย์กลาง โดยออกแบบโซลูชันการบริหารความมั่งคั่งส่วนบุคคลที่ตรงตามความต้องการที่หลากหลาย อาทิ การต่อยอดทางการเงิน การดูแลบริหารจัดการ ความคุ้มครอง รวมถึงการส่งต่อความมั่งคั่ง เพื่อสร้างผลลัพธ์ความสำเร็จที่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าอย่างแท้จริง เป็นต้น
2) Hyper-Personalization บริหารความมั่งคั่งตอบโจทย์ทุกความต้องการของลูกค้าแบบเฉพาะบุคคล ผสานศักยภาพของผู้เชี่ยวชาญเข้ากับเทคโนโลยีดิจิทัล และ AI ในการดูแลลูกค้าอย่างตรงใจและไร้รอยต่อในทุกมิติ และ3) Go Global เข้าถึงโอกาสการลงทุนแบบไร้พรมแดน ร่วมกับพันธมิตรระดับโลก
@AUA โตไม่น้อยกว่า 10%
ตั้งเป้าการบริหารจัดการในส่วนของการลงทุน Asset Under Advisory (AUA) เติบโต Double Digit หรือเติบโตมากกว่า 10% โดยได้แรงหนุนจากสินทรัพย์การลงทุนภายใต้ธีม Customer Centricity ที่ตั้งเป้าหมายเติบโตกว่า 2 เท่า เป็น 140,000 ล้านบาท จากปัจจุบัน 70,000 ล้านบาท และมีลูกค้า Active ด้านการลงทุนผ่านดิจิทัลแพลตฟอร์มกว่า 50% จากเดิม 30% ซึ่งจะทำให้การแข่งขันในธุรกิจธนาคารไร้สาขา (virtual bank) ได้ดีขึ้น รวมถึงตั้งเป้าสินทรัพย์การลงทุนสกุลเงินต่างประเทศเติบโตกว่า 180,000 ล้านบาท
ภาพรวมธุรกิจบริหารความมั่งคั่งทั่วโลก และประเทศไทยเติบโตต่อเนื่องเฉลี่ยปีละ 6% โดยคาดการณ์ว่าในปี 2571 ธุรกิจบริหารความมั่งคั่งในไทยจะมีสินทรัพย์มากกว่า 1 ล้านล้านดอลลาร์ ไทยพาณิชย์มองเห็นถึงโอกาสจากการเติบโตของตลาด และจากการเป็นสถาบันทางการเงินอันดับต้น ๆ ของเมืองไทย ทำให้ธนาคารสามารถต่อยอดในการทำธุรกิจบริหารความมั่งคั่ง และสามารถช่วยวางแผนการเงินให้กับลูกค้าได้เต็มรูปแบบและครบวงจร
“เราพร้อมนำเสนอโซลูชันด้านการบริหารความมั่งคั่งแบบองค์รวมโดยยึดลูกค้าเป็นศูนย์กลาง ผสานศักยภาพจากบริษัทภายใต้กลุ่ม SCBX อาทิ บลจ.ไทยพาณิชย์ จำกัด (SCBAM), บล. อินโนเวสท์ เอกซ์ จำกัด (InnovestX) บล.ไทยพาณิชย์ จูเลียส แบร์ จำกัด (SCB Julius Baer) และพันธมิตรชั้นนำระดับโลกกว่า 30 ราย เข้ากับขีดความสามารถในการให้คำปรึกษา เพื่อนำเสนอโซลูชันบริหารความมั่งคั่งแบบครบวงจร ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า SCB WEALTH จำนวนกว่า 500,000 ราย”
@เข้มงวดปล่อยสินเชื่อ
ในภาพรวมการปล่อยสินเชื่อในปีนี้ ยังไม่สูงมาก เติบโต 1-3% จะมุ่งเน้นในกลุ่มลูกค้าบริษัทขนาดใหญ่ โดยธุรกิจที่ได้อานิสงส์เชิงบวกจากสถานการณ์ภูมิรัฐศาสตร์โลกที่เปลี่ยนไปจะอยู่ในกลุ่ม ธุรกิจอาหาร ท่องเที่ยว โลจิสติกส์ และธุรกิจ SME บางกลุ่มที่เป็นซัพพลายเชน (supply chain) รวมถึงธุรกิจสินเชื่อบ้านที่มีคุณภาพ ที่ราคามากกว่า 5 ล้านขึ้นไป ยังมีความต้องการสูง
ขณะที่แนวโน้มหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ในการช่วยเหลือลูกค้าผ่านโครงการ “คุณสู้ เราช่วย” ยังไม่เห็นผลมาก เนื่องจากระยะเวลาดำเนินการยังสั้นเกินไป และต้องประชาสัมพันธ์ให้มากขึ้น โดยตั้งเป้าหมายกลุ่มคนที่เข้าเกณฑ์เกิน 50% ให้เข้าร่วมโครงการ
ด้านกลุ่มลูกค้ารายใหญ่ทางธนาคารยังเข้าคุยกับลูกค้า ยังคงสนับสนุนการปล่อยสินเชื่ออย่างต่อเนื่อง แต่ต้องปล่อยสินเชื่ออย่างรอบคอบ และต้องมีความคุ้มค่าของหลักประกัน มองว่าปัญหาอาจเกิดจากการบริหารหรือการดำเนินธุรกิจ ซึ่งอยู่นอกเหนือจากการดูแลของธนาคาร โดยสถานการณ์ข่าวที่ออกมา อาจทำให้ตลาดเกิดความกังวลมากเกินไป ส่งผลต่อความเชื่อมั่น