ไร้การติดต่อ! อธิบดีควบคุมโรคยันไม่ขวาง มธ.นำเข้า 'โมเดอร์นา' แต่ต้องหาคนรับผิดชอบความปลอดภัย
ไร้การติดต่อ! อธิบดีกรมควบคุมโรคยันไม่ขวาง มธ.นำเข้าวัคซีนโมเดอร์นา แต่ต้องหาคนรับผิดชอบความปลอดภัย
จากกรณีที่กระทรวงการต่างประเทศ (กต.) ส่งหนังสือถึงอธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (มธ.) แนะนำให้ มธ.หารือกับกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ในการรับบริจาควัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ชนิด mRNA ยี่ห้อโมเดอร์นา จากภาคเอกชน ของประเทศโปแลนด์นั้น
เมื่อวันที่ 27 ตุลาคม นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค ให้สัมภาษณ์ถึงประเด็นดังกล่าวว่า กรมควบคุมโรคไม่ทราบถึงเงื่อนไขการบริจาควัคซีนล็อตดังกล่าว แต่เท่าที่ทราบคือ ไม่ได้เป็นการบริจาคระหว่างหน่วยงานรัฐกับหน่วยงานรัฐ ส่วนหนังสือที่ กต.ส่งคำแนะนำให้กับทางมหาวิทยาลัย โดยใช้คำว่า “อาจจะ” ปรึกษากรมควบคุมโรคได้นั้น
“ตามข้อเท็จจริงแล้ว เรื่องดังกล่าวเกิดขึ้นในส่วนของภาคเอกชน ไม่เกี่ยวข้องกับรัฐบาล แต่เรายินดีให้คำปรึกษา หากเขาขอคำปรึกษามา แต่ตอนนี้ยังไม่ได้รับการติดต่อใดๆ มาเลย ยืนยันว่าหากสามารถนำเข้ามาได้ ก็ให้ดำเนินการได้ โดยไม่มีการขัดข้องใดๆ” นพ.โอภาสกล่าว
อธิบดีกรมควบคุมโรคกล่าวว่า ส่วนการบริจาควัคซีนระหว่างภาคเอกชนนั้น จะขึ้นอยู่กับเงื่อนไขด้วย แต่เนื่องจากวัคซีนไม่ใช่สินค้าทั่วไป ไม่ใช่สบู่ หรือยาสีฟัน ที่เราใช้กันทั่วไป เพราะต้องคำนึงถึงประสิทธิภาพและความปลอดภัยโดย 1.ประสิทธิภาพ วัคซีนบริจาคมาแล้ว ต้องเก็บในอุณหภูมิที่เหมาะสมอย่างดี ดังนั้น การรับบริจาคมาต้องคำนึงถึงส่วนนี้ด้วยว่าการเก็บมาก่อนหน้านี้ ได้ดำเนินการเก็บดีหรือไม่
“หากเป็นรัฐต่อรัฐ เราก็คุยกันได้ แต่หากเป็นเอกชนกับเอกชนก็ต้องคำนึงเรื่องนี้ด้วย 2.ความปลอดภัย เพราะวัคซีนส่วนใหญ่ยังใช้ในภาวะฉุกเฉิน ดังนั้น หากพบปัญหาขึ้น จะต้องมีผู้รับผิดชอบ หากเป็นรัฐต่อรัฐนั้น จะต้องนำเข้าหารือในคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่อขอความเห็นชอบว่ารัฐบาลยินดีพร้อมรับผิดชอบ แต่เมื่อเป็นเอกชนแล้ว ใครจะรับผิดชอบ ต้องตอบให้ได้” นพ.โอภาสกล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า หากเป็นการบริจาคระหว่างเอกชนด้วยกัน จะต้องประสานหน่วยงานรัฐมาก่อนหรือไม่ นพ.โอภาสกล่าวว่า ไม่จำเป็น เอกชนสามารถรับได้ แต่หากจะนำมาฉีดให้ประชาชน ต้องเป็นไปตามเงื่อนไข เพราะไม่ใช่สินค้าทั่วไป คือได้รับการควบคุมกำกับจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) เพื่อให้เกิดความปลอดภัย
“ที่ผ่านมา เรารับบริจาคกันไม่ใช่เรื่องง่ายๆ ต้องถามต้นทาง ดูเอกสารให้ครบ นอกจากนั้นก็ต้องให้กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ช่วยดูด้วย ใครจะบริจาคอะไรก็ได้ แต่หากเอาวัคซีนมาฉีดให้คน ต้องมีหน่วยงานควบคุม กำกับ ไม่อย่างนั้น ใครจะเอายามาให้ใครกินก็ได้ ดังนั้น จะต้องดูว่าใครจะเป็นผู้รับผิดชอบความปลอดภัย ประสิทธิภาพ ซึ่งไม่เหมือนกับที่เราไปซื้อจากโรงงาน ที่เซ็นสัญญาชัดเจน มีผู้ผลิตชัดเจน ทางรัฐบาลก็ดูแล หากซื้อต่อมา เขาเก็บดีหรือไม่ อันนี้เราตอบไม่ได้ ดังนั้น ต้องมีกระบวนการซักถามกัน” นพ.โอภาสกล่าว