รีเซต

ปลัด สธ.แย้ม จ่อล็อกดาวน์ภาคใต้ หากคุมโควิดไม่อยู่ ย้ำ! พื้นที่ต้องตื่นตัว

ปลัด สธ.แย้ม จ่อล็อกดาวน์ภาคใต้ หากคุมโควิดไม่อยู่ ย้ำ! พื้นที่ต้องตื่นตัว
มติชน
7 ตุลาคม 2564 ( 14:51 )
30
ปลัด สธ.แย้ม จ่อล็อกดาวน์ภาคใต้ หากคุมโควิดไม่อยู่ ย้ำ! พื้นที่ต้องตื่นตัว

เมื่อวันที่ 7 ตุลาคม นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวถึงมาตรการควบคุมโรคโควิด-19 ในพื้นที่ภาคใต้ ว่า จากสถานการณ์การระบาดที่ผ่านมา พบว่า ขณะนี้กรุงเทพมหานครเริ่มดีขึ้น แต่พื้นที่ 4 จังหวัดภาคใต้ ระบาดมากขึ้น โดยพบ 3 สายพันธุ์ มีเบต้า แอลฟา และเดลต้า

 

 

“จากการลงพื้นที่เมื่อช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ทั้งยะลา สงขลา ปัตตานี ก็พบว่า ต้องมีมาตรการต่างๆ เข้มมากขึ้น อย่างการส่งเสริมร้านอาหาร ร้านค้า หรือการดำเนินการต่างๆ เกี่ยวกับมาตรการปลอดภัยสำหรับองค์กร (Covid Free Setting) และการป้องกันการติดเชื้อแบบครอบจักรวาล (Universal Prevention) แม้จะไม่ได้บังคับ แต่เป็นการเชิญชวน อย่างการไปร้านอาหาร ร้านค้า หากไม่มีการทำโควิด ฟรี เซตติ้ง ประชาชนต้องช่วยกันทวงถาม เพื่อให้เกิดการตื่นตัว

 

 

ประเด็นคือ จากการลงพื้นที่ พบว่าการส่งเสริมให้เกิดการป้องกันแบบครอบจักรวาล ก็ยังไม่ค่อยมีมากนัก ดังนั้น กรมอนามัย ศูนย์อนามัยเขต กรมควบคุมโรคเขต สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด (สสจ.) ต้องตื่นตัวเรื่องนี้ เข้าใจว่า อาจมีเรื่องปัญหาสังคม วัฒนธรรมอยู่บ้าง แต่เข้าใจว่าเรื่องการดูแลสุขภาพจะก้าวข้ามได้ ตอนแรกอาจไม่ค่อยรณรงค์มากนัก ซึ่งได้ให้นโยบายไปแล้ว โดยขณะนี้ นพ.สุเทพ เพชรมาก หัวหน้าผู้ตรวจราชการ สธ. อยู่ในพื้นที่และรับนโยบายดังกล่าวไปแล้ว และจะรายงานข้อมูลขึ้นมา” นพ.เกียรติภูมิ กล่าว

 

 

ปลัด สธ. กล่าวว่า สิ่งสำคัญจะต้องมีมาตรการต่างๆ ควบคู่กันเพื่อป้องกันโรคในพื้นที่ภาคใต้ให้ได้ โดยมีทั้งการส่งชุดตรวจ ATK ลงไปเพิ่มเติม ส่งยาฟาวิพิราเวียร์เข้าไป เนื่องจากพบว่ามีการใช้ยาเพียงร้อยละ 30 ทำให้อัตราการเสียชีวิตยังสูง จึงได้ส่งยา และแนะนำว่าก่อน 4 วันแรกต้องให้ยา เพราะได้ผลดีมาก ซึ่งขณะนี้ส่งไปประมาณ 1 ล้านเม็ด และจะติดตามการดำเนินการควบคุมป้องกันโรคเพิ่มเติมกับทางผู้ตรวจราชการฯ และนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด (นพ.สสจ.) อย่างใกล้ชิด ซึ่งน่าจะทำให้การติดเชื้อจะชะลอได้ ขณะเดียวกัน ยังได้ส่งวัคซีนป้องกันโควิด-19 เข้าไปอีกเป็นแสนโดส ทั้งแอสตร้าเซนเนก้า ซิโนแวค และไฟเซอร์

 

 

ผู้สื่อข่าวถามว่า จะทำอย่างไรในพื้นที่ 4 จังหวัดชายแดนใต้ ที่อาจยังไม่ค่อยฉีดวัคซีน เนื่องจากความเชื่อ วัฒนธรรม นพ.เกียรติภูมิ กล่าวว่า ต้องทำความเข้าใจ พยายามให้ผู้นำทางศาสนาเข้ามามีส่วนร่วม ซึ่งเรื่องสุขภาพน่าจะก้าวข้ามเรื่องสังคมได้ และคิดว่าทุกวัฒนธรรมอยากให้คนมีสุขภาพดี แข็งแรง

 

 

เมื่อถามว่า หากไม่มีการดำเนินการใดๆ มีการคาดการณ์หรือไม่ว่าในพื้นที่ภาคใต้จะมีการระบาดหนักเทียบกรุงเทพฯ ประมาณกี่เดือน นพ.เกียรติภูมิ กล่าวว่า ได้ให้นโยบายไปดำเนินการจัดทำกราฟแบบจำลองในแต่ละจังหวัด รวมทั้ง 4 จังหวัดภาคใต้ แต่ยังไม่ได้รับรายงานกลับมา ซึ่งการทำแบบนี้จะได้ให้มีการควบคุมกำกับ ก็จะคล้ายๆ กับการทำแบบจำลองระดับประเทศ

 

 

“ตอนนี้ก็มาถึงทางแยก แต่จริงๆ ก็ไม่ใช่ เพราะเมื่อคลายล็อกดาวน์ก็ต้องยอดขึ้น แต่เมื่อขึ้นแล้ว จะทำอย่างไรไม่ให้เป็นจริง ก็จะต้องมีเส้นสีเขียว เพื่อให้มีมาตรการลดผู้ติดเชื้อ ขออีก 2 เดือน เมื่อเข้าเดือนตุลาคม และเดือนพฤศจิกายน เชื่อว่าจะเบาลง เพราะมี ร้อยละ 70 ของการให้วัคซีนเข็มที่ 1 หมายถึงว่า กลางๆ เดือนธันวาคมนี้ ก็จะได้ร้อยละ 70 กว่าๆ ทั้งเข็มที่ 1 และเข็มที่ 2 จากนั้นเมื่อสิ้นเดือนธันวาคม ก็จะได้รับวัคซีน ร้อยละ 85 ถือเป็นมาตรฐานโลกแล้ว” นพ.เกียรติภูมิ กล่าว

 

 

ต่อข้อถามอีกว่า ภาคใต้เจอ 3 สายพันธุ์จะต้องปรับสูตรวัคซีนหรือไม่ นพ.เกียรติภูมิ กล่าวว่า อาจมีปัญหาบ้าง แต่วัคซีนยังใช้เป็นสูตรมาตรฐานอยู่ เพราะยังป้องกันได้ เพียงแต่เบต้า อาจป้องกันไม่ค่อยได้มาก การป้องกันน้อยกว่าตัวอื่น แต่ที่เหมือนกันคือ อาการไม่รุนแรง ลดการเสียชีวิต ซึ่งวัคซีนมีประโยชน์ อย่างไรก็ตาม ทางภาคใต้ระบบการดูแลรักษายังพอเพียง มีโรงพยาบาลสนาม 1.8-1.9 พันเตียง คนไข้อยู่ประมาณ ร้อยละ 50-60 แต่ก็บอกว่าอย่าประมาท อย่าเพิ่งดีใจ เพราะตอนกรุงเทพฯ ที่เปิด รพ.บุษราคัม ตอนนั้นกรุงเทพฯ ติดเชื้อกว่าพันคนต่อวัน แต่ รพ.เปิดได้ 1 สัปดาห์ เพิ่มขึ้นมาก

เมื่อถามอีกว่า ทางภาคใต้จำเป็นต้องล็อกดาวน์หรือไม่ นพ.เกียรติภูมิ กล่าวว่า ได้ให้นโยบายไว้เหมือนกัน หากมาตรการที่มีอยู่ไม่เพียงพอ อาจต้องใช้มาตรการทางสังคมเช่นกัน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง