โควิด-19 : ฝรั่งเศส กรีซ เนเธอร์แลนด์ และหลายชาติยุโรปที่เคยเกิดการระบาดหนักเริ่มเปิดประเทศแล้ว

โควิด-19 : ฝรั่งเศส กรีซ เนเธอร์แลนด์ และหลายชาติยุโรปที่เคยเกิดการระบาดหนักเริ่มเปิดประเทศแล้ว- BBCไทย
ขณะที่ยอดผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ทั่วโลกจะใกล้ 10 ล้านรายเข้าไปทุกที หลายประเทศในยุโรปเริ่มกลับมาเปิดรับนักท่องเที่ยวอีกครั้งแล้ว ไม่ว่าจะเป็นหอไอเฟลในกรุงปารีส หรือสถานบริการทางเพศในออสเตรีย
หอไอเฟล สิ่งก่อสร้างที่เป็นเอกลักษณ์ของฝรั่งเศสกลับมาเปิดให้นักท่องเที่ยวขึ้นชมอีกครั้งแล้ว หลังจากปิดไป 3 เดือน แต่คนต้องเดินขึ้นบันได (674 ขั้น ! และเว็บไซต์ของหอไอเฟลบอกต้องใช้เวลาเดิน 30-45 นาที "ขึ้นอยู่กับความฟิตของคุณ !")
ส่วนบริการลิฟต์จะเริ่มอีกครั้งวันที่ 1 ก.ค. ทางหอไอเฟลแนะนำคนที่ร่างกายไม่แข็งแรง นักท่องเที่ยวที่เดินทางกับเด็กและทารก ให้รอจนกว่าจะเปิดให้บริการเต็มรูปแบบก่อนแล้วค่อยขึ้นไปบนยอดหอไอเฟล
ที่กรีซ ฤดูการท่องเที่ยวที่นั่นเริ่มต้นอย่างเป็นทางการแล้ว โรงแรมต่างเปิดรับนักท่องเที่ยวมาตั้งแต่วันที่ 15 มิ.ย. และตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค. ทางการจะยกเลิกกฎบังคับนักท่องเที่ยวต่างชาติกักตัวอย่างน้อย 2 สัปดาห์
"กรีซเป็นประเทศที่ปลอดภัย" แฮริส ธีโอแฮริส รัฐมนตรีว่าการการท่องเที่ยวกรีซ บอกกับบีบีซี "เราได้พิสูจน์มาแล้วในวิกฤตครั้งนี้ และเรารู้สึกว่าความเสี่ยงที่คนจะติดเชื้อในกรีซน้อยกว่าที่อื่นในยุโรปและในโลกมาก"
ส่วนที่ออสเตรลียและเนเธอร์แลนด์ ทางการอนุญาตให้สถานบริการทางเพศกลับมาเปิดให้บริการอีกครั้งได้ตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค.นี้ สำนักข่าวออสเตรียเพรส รายงานว่ากระทรวงสาธารณสุขร่วมมือกับกลุ่มตัวแทนแรงงานผู้ประกอบอาชีพบริการทางเพศที่ลงทะเบียนจำนวน 8,000 คน ตกลงจะดำเนินมาตรการดูแลสุขอนามัยอย่างเข้มงวด
ผู้ประกอบอาชีพบริการทางเพศในออสเตรียเป็นคนอีกกลุ่มหนึ่งที่ได้รับผลกระทบทางเศรษฐกิจจากมาตรการรักษาระยะห่างทางสังคม
ที่สหราชอาณาจักร รัฐบาลเตรียมจะยกเลิกมาตรการกักตัว 14 วัน แก่คนเดินทางเข้าเมืองจากประเทศยุโรปตะวันตก โดยรัฐบาลมีแผนจะทำความตกลงเดินทางในลักษณะ air bridge กับหลายชาติ เช่น ฝรั่งเศส อิตาลี สเปน กรีซ เบลเยียม เยอรมนี นอร์เวย์ เนเธอร์แลนด์ ตุรกี และฟินแลนด์
ที่ผ่านมาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวในสหราชอาณาจักรไม่พอใจมาตรการกักตัวนักท่องเที่ยวเพื่อควบคุมโรค เพราะเห็นว่าจะทำให้นักท่องเที่ยวหลีกเลี่ยงที่จะเดินทางไปสหราชอาณาจักร ซึ่งจะส่งผลให้คนทำงานในภาคอุตสาหกรรมท่องเที่ยวต้องตกงาน
ที่ไทย แม้ว่าจะไม่พบผู้ป่วยรายใหม่ภายในประเทศติดต่อกัน 31 วันแล้ว แต่ที่ประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) มีมติเสนอให้รัฐบาลต่ออายุ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน รอบ 3 ออกไปอีก 1 เดือน
บางฝ่ายมองว่ามตินี้มี "นัยทางการเมือง" ท่ามกลางบรรยากาศการเมืองที่เข้มข้นหลังจากมีการจัดกิจกรรมเนื่องในวันครบรอบ 88 ปี การเปลี่ยนแปลงการปกครองจากระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์มาสู่ระบอบราชาธิปไตยภายใต้รัฐธรรมนูญ เมื่อวานนี้ (24 มิ.ย.)
อย่างไรก็ดี ที่ประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติให้เหตุผลว่า การผ่อนปรนในระยะที่ 5 ให้กิจการ/กิจกรรมต่าง ๆ ล้วนแต่เป็น "สถานที่หล่อแหลมต่อการแพร่ระบาดของโรค" อีกทั้งจะมีการเปิดภาคเรียน ทำให้ประชาชนสัญจรไปมาเพิ่มขึ้น หากไม่ต่อ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน จะมีความยุ่งยากในการควบคุมการแพร่ระบาด
"ยืนยันว่าไม่เกี่ยวกับนัยทางการเมือง และไม่กระทบต่อการดำเนินชีวิตของประชาชน" พล.อ.สมศักดิ์ รุ่งสิตา เลขาธิการ สมช. กล่าว
- แผนที่ อินโฟกราฟิก ยอดติดเชื้อ-เสียชีวิตจากไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ทั่วโลก
- เหตุใดไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่จะไม่ใช่การระบาดครั้งสุดท้าย
- การแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ในภูมิภาคลาตินอเมริการ้ายแรงแค่ไหน
- วิกฤตโรคระบาดในบราซิลถูกทำให้กลายเป็นเรื่องการเมืองได้อย่างไร
ในเวลาเดียวกันองค์การอนามัยโลก (ดับเบิลยูเอชโอ) ออกมาเตือน 11 ชาติในยุโรป แต่ไม่ได้ระบุชื่อว่า เริ่มเห็นจำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มสูงขึ้นในอัตราที่น่าเป็นห่วง ทำให้สุ่มเสี่ยงที่จะเกิดการระบาดของโรคขึ้นมาอีกครั้ง และหากไม่มีมาตรการรับมือที่ดีพอ ระบบสาธารณสุขของประเทศเหล่านั้นอาจจะรับมือไม่ไหว
ที่ผ่านมา ภูมิภาคยุโรปซึ่งประกอบด้วย 54 ประเทศ และ อีก 7 ดินแดน มีผู้ป่วยโควิด-19 มากกว่า 2.6 ล้านรายและเสียชีวิต 195,000 ราย ตามรายงานของดับเบิลยูเอชโอ
ส่วนตัวเลขผู้ติดเชื้อล่าสุดที่ดับเบิลยูเอชโอเป็นห่วงคือคือจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่เกือบ 2 หมื่นคนต่อวัน และเสียชีวิตมากกว่า 700 คนต่อวัน
ที่อื่นยังน่ากังวล
"ระลอกที่สอง" ยังเป็นคำสำคัญและสร้างความกังวลให้กับหลายประเทศ
ในรัฐวิกตอเรีย ของออสเตรเลีย มีผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้น 33 รายในชั่วข้ามคืน ซึ่งแม้จะเป็นตัวเลขที่ต่ำเมื่อเทียบกับที่อื่น แต่ก็น่ากังวลว่าจะกลับมามีการระบาดระลอกที่สองในประเทศหรือไม่
ที่เมลเบิร์น ซึ่งเป็นเมืองใหญ่อันดับสองของออสเตรเลีย ทางการใช้วิธีให้เจ้าหน้าที่กว่า 1,300 คน ไล่ตรวจเชื้อคนในพื้นที่ระบาดต่าง ๆ ในเขตชานเมือง โดยมีการขอให้กองกำลังทหารมาช่วยในปฏิบัติการนี้ด้วย
ส่วนสหรัฐฯ ซึ่งยังเป็นประเทศที่เผชิญวิกฤตหนักที่สุดในโลกและมีผู้ติดเชื้อกว่า 2.3 ล้านรายแล้วนั้น รัฐนิวยอร์ก รัฐนิวเจอร์ซีย์ และรัฐคอนเนตทิคัต ขอให้ผู้ที่เดินทางมาจากรัฐที่มีผู้ติดเชื้อสูงขึ้นเรื่อย ๆ อาทิ แอละแบมา ฟลอริกา เท็กซัส เป็นต้น กักตัวเองเป็นเวลา 14 วันก่อน
ที่อินเดีย มีผู้ติดเชื้อเพิ่มเกือบ 17,000 ราย ซึ่งเป็นยอดรายวันที่สูงที่สุดเป็นประวัติการณ์ โดยขณะนี้นี้มีผู้ติดเชื้อมากกว่า 470,000 ราย ผู้เสียชีวิต 14,894 ราย และเมื่อวานนี้ (24 มิ.ย.) กรุงเดลีมีผู้ติดเชื้อแซงหน้านครมุมไบแล้วโดยมีมากกว่า 70,000 ราย โดยเกือบ 1 ใน 3 ของจำนวนนี้มาจากในช่วงแค่ราวสัปดาห์ที่ผ่านมา
สถานการณ์ในบราซิลยังถือว่าน่ากังวลที่สุดในภูมิภาคลาตินอเมริกาใต้ โดยเมื่อวานนี้ (24 มิ.ย.) มีผู้ติดเชื้อเพิ่ม 42,725 ราย ซึ่งเป็นเลขรายวันที่สูงเป็นอันดับที่สองในประวัติการณ์ โดยมีผู้เสียชีวิตรวม 53,830 ราย
แต่ไมเคิล ไรอัน ผู้อำนวยการบริหารโครงการฉุกเฉินขององค์การอนามัยโลก ระบุว่า การระบาดยังไม่ถึงขั้นร้ายแรงที่สุดที่ภูมิภาคอเมริกา
"สถานการณ์หนักเป็นพิเศษในภูมิภาคอเมริกากลางและใต้" ไรอัน กล่าว "เราเห็นแนวโน้มการเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ อย่างน่ากังวล โดยหลายประเทศมีผู้ติดเชื้อมากขึ้นระหว่าง 20-25% ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา"
Tag
บทความน่าสนใจอื่นๆ
