อัญเชิญ “พระเขี้ยวแก้ว” จากกรุงปักกิ่ง ประดิษฐานสนามหลวง 73 วัน ครั้งแรกในรอบ 22 ปี
นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี วันนี้รับทราบกรณีรัฐบาลไทยและรัฐบาลสาธารณรัฐประชาชนจีน เห็นชอบร่วมกัน ให้อัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุ (พระเขี้ยวแก้ว) จากวัดหลิงกวง กรุงปักกิ่ง สาธารณรัฐประชาชนจีน มาประดิษฐานที่กรุงเทพมหานครเป็นการชั่วคราว เพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 และในโอกาสการครบรอบ 50 ปี แห่งการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตไทย - จีน ในปี 2568 เปิดให้ ประชาชน สักการะระหว่างวันที่ 4 ธันวาคม 2567 - 14 กุมภาพันธ์ 2568 เป็นเวลา 73 วัน ณ ท้องสนามหลวง และจะอัญเชิญกลับประเทศจีนในวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2568
ที่ผ่านมา รัฐบาลจีนได้เคยอนุญาตให้อัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุ (พระเขี้ยวแก้ว) มาประดิษฐานในประเทศไทยเป็นครั้งแรกเมื่อปี พ.ศ.2545 ณ พุทธมณฑล ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ซึ่งถือเป็น 1ใน 6 ครั้งที่ประดิษฐานนอกประเทศจีน ซึ่งครั้งนี้ถือเป็นสิริมงคลยิ่งต่อพุทธศาสนิกชน ทั้งชาวไทยและชาวจีนในประเทศไทยที่มีโอกาส เข้าสักการะโดยไม่ต้องเดินทางไป ถึงกรุงปักกิ่ง ประเทศจีน
นายจิรายุกล่าวว่าการอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุ (พระเขี้ยวแก้ว) มาประดิษฐานในไทยครั้งนี้ จะสานต่อมิตรภาพอันยาวนานระหว่างไทยกับจีนให้แน่นแฟ้น ผ่านสายสัมพันธ์ทางพระพุทธศาสนา และผลักดันการสร้างประชาคมที่มีอนาคตร่วมกันระหว่างไทย- จีน และให้คำว่า“จีนไทยใช่อื่นไกล พี่น้องกัน” ยิ่งหยั่งรากลงลึกในจิตใจของประชาชนของทั้งสองประเทศ
ทั้งนี้รัฐบาลได้จัดพิธีบวงสรวงการจัดสร้างมณฑปประดิษฐานพระเขี้ยวแก้วในวันนี้ เวลา 14.00 น. ณ ท้องสนามหลวง โดยมีนายชูศักดิ์ ศิรินิล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นประธานในพิธี
ข้อมูลจาก: ทำเนียบรัฐบาล
ภาพจาก: ทำเนียบรัฐบาล