ผู้เชี่ยวชาญ WHO หนุนฉีดวัคซีนโควิด-19 โดสกระตุ้นให้คนภูมิคุ้มกันบกพร่อง
เจนีวา, 12 ต.ค. (ซินหัว) -- เมื่อวันจันทร์ (11 ต.ค.) คณะผู้เชี่ยวชาญจากองค์การอนามัยโลก (WHO) แนะนำการฉีดวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) โดสกระตุ้นให้ผู้มีระบบภูมิคุ้มกันบกพร่องระดับปานกลางและระดับสูง
หลังการหารือนาน 4 วันเมื่อสัปดาห์ก่อน คณะที่ปรึกษายุทธศาสตร์ผู้เชี่ยวชาญด้านภูมิคุ้มกัน (SAGE) ขององค์การฯ แนะนำให้คนกลุ่มข้างต้นฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 โดสที่ 3 ที่อยู่ในรายการวัคซีนสำหรับใช้งานในกรณีฉุกเฉินขององค์การฯ (UEL) เนื่องจากคนกลุ่มนี้อาจตอบสนองต่อการฉีดวัคซีนตามมาตรฐานทั่วไปไม่เท่ากับคนกลุ่มอื่น และยังเสี่ยงต่อการป่วยหนักจากโรคโควิด-19
นับตั้งแต่สิ้นเดือนกันยายน องค์การฯ มีวัคซีนอยู่ในรายการวัคซีนสำหรับใช้งานในกรณีฉุกเฉินหลายตัว ได้แก่ ไฟเซอร์-ไบออนเทค แจนเซน โมเดอร์นา ซิโนฟาร์ม ซิโนแวค แอสตราเซเนกา และโควิชีลด์ นอกจากนี้คณะที่ปรึกษาฯ ยังได้ตรวจสอบโควาซิน วัคซีนที่ผลิตโดยบริษัทภารัต ไบโอเทค (Bharat Biotech) ของอินเดีย และจะออกเอกสารคำแนะนำเชิงนโยบายเมื่อให้การอนุมัติเรียบร้อย
คณะผู้เชี่ยวชาญขององค์การฯ แนะนำให้ฉีดวัคซีนชนิดเชื้อตายของซิโนแวคและซิโนฟาร์ม โดสที่ 3 ให้ผู้มีอายุ 60 ปีขึ้นไป นอกจากนี้ยังสามารถสลับใช้วัคซีนต่างชนิด (ชนิดที่เชื้อไวรัสฯ ยังมีชีวิตอยู่) เป็นโดสกระตุ้น แต่ต้องพิจารณาจากการเข้าถึงและปริมาณวัคซีนที่มี ขณะเดียวกันคณะที่ปรึกษาฯ ระบุว่าแต่ละประเทศควรฉีดวัคซีนครบ 2 โดสให้ครอบคลุมประชาชนมากที่สุดก่อน แล้วจึงเริ่มฉีดโดสที่ 3 จากกลุ่มคนอายุมากที่สุด
ก่อนหน้านี้องค์การฯ เรียกร้องทั่วโลกหยุดการฉีดวัคซีนโดสกระตุ้นชั่วคราว แล้วมุ่งจัดสรรวัคซีนอย่างเท่าเทียมเพื่อให้แต่ละประเทศฉีดวัคซีนให้ประชากรอย่างน้อยร้อยละ 40 โดยเมื่อสัปดาห์ก่อนองค์การฯ ประกาศแผนริเริ่มฉีดวัคซีนให้ร้อยละ 40 ของประชากรแต่ละประเทศภายในสิ้นปี 2021 และร้อยละ 70 ภายในกลางปี 2022 พร้อมให้ความสำคัญกับการจัดสรรวัคซีนไปยังประเทศรายได้ต่ำก่อน โดยเฉพาะในแอฟริกา