สหรัฐฯ ชัตดาวน์ 35 วัน นานเท่าสถิติเดิมในวันนี้ พรุ่งนี้จ่อทำลายสถิติ

รัฐบาลกลางสหรัฐฯ จะทำสถิติการ "ชัตดาวน์" หรือการหยุดทำงาน เท่ากับสถิติสูงสุด 35 วันในวันนี้ (4 พ.ย.) แล้ว ถ้าหากการชัตดาวน์ยังไม่จบลงภายในวันนี้ จะทำให้วันพรุ่งนี้ (5) เป็นวันลบสถิติรัฐบาลกลางสหรัฐฯ หยุดทำงานนานที่สุด ซึ่งได้เกิดขึ้นในสมัยประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์เป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในสมัยแรก
ยังคงไร้วี่แววว่า การชัตดาวน์หรือหยุดทำงานของรัฐบาลกลางสหรัฐฯ นี้ จะจบลงได้เมื่อใด ทั้งสมาชิกรัฐสภาพรรครีพับลิกันและเดโมแครตต่างยังคงชี้นิ้วใส่กัน โทษว่าเป็นความผิดของอีกฝ่าย ที่ทำให้การผ่านร่างงบประมาณประจำปี 2026 ถึงทางตัน ไม่สามารถผ่านการอนุมัติจากรัฐสภาไปได้
การชัตดาวน์ของรัฐบาลกลางสหรัฐฯ ทำสถิติยาวนานที่สุดในประวัติศาสตร์สหรัฐฯ 35 วัน เกิดขึ้นในสมัยรัฐบาลทรัมป์สมัยแรก แต่สถิตินี้กำลังจะถูกทุบในวันพรุ่งนี้ ถ้าการชัตดาวน์ยังไม่จบภายในวันนี้
สมาชิกรัฐสภาเดโมแครตขัดขวางการผ่านร่างกฎหมายงบประมาณประจำปีในรัฐสภา แม้ว่าพรรครีพับลิกันจะครองเสียงข้างมากอยู่ทั้ง 2 สภา แต่ทางด้านเดโมแครตยืนกรานว่าในร่างงบประมาณประจำปี ไม่ว่าจะชั่วคราวหรือถาวร จะต้องบรรจุเรื่องการต่ออายุการให้เงินอุดหนุนสวัสดิการประกันสุขภาพที่ใช้มาตั้งแต่ยุคโควิดระบาด ซึ่งกำลังจะหมดอายุลงในสิ้นเดือนธันวาคมนี้ แต่รีพับลิกันยืนกรานให้พิจารณาเรื่องเงินอุดหนุนดังกล่าว แยกต่างหากจากการผ่านร่างงบประมาณประจำปี
ไมค์ จอห์นสัน ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ พรรครีพับลิกัน กล่าวล่าสุดวานนี้ (3) โทษพวก "ซ้ายสุดขั้ว" ในพรรคเดโมแครต เป็นสาเหตุโดยตรงที่ทำให้ชาวอเมริกันต้องทุกข์ทรมานอยู่ในขณะนี้
แต่ทางด้านฮาคีม เจฟฟรีส์ ผู้นำเสียงข้างน้อยในสภาผู้แทนสหรัฐฯ พรรคเดโมแครต กล่าวโทษกลับว่า ราคาข้าวของในประเทศนี้แพงเกินไปอยู่แล้ว แต่โดนัลด์ ทรัมป์กับมาตรการเก็บภาษีนำเข้าของเขา ยังมาทำให้สถานการณ์แย่ลงอีก ไม่ใช่ดีขึ้น และทุกอย่างที่เดโมแครตทำก็เพื่อแก้ปัญหาวิกฤติการรักษาพยาบาลที่รีพับลิกันเป็นฝ่ายก่อขึ้น
อย่างไรก็ตาม ผลสำรวจความคิดชาวอเมริกันล่าสุดโดยรอยเตอร์/อิปซอสพบว่า ชาวอเมริกันโทษทั้ง 2 พรรคว่าทำให้เกิดการชัตดาวน์ แต่โทษรีพับลิกันมากกว่า โดยชาวอเมริกันร้อยละ 50 โทษรีพับลิกันเป็นต้นเหตุชัตดาวน์ เทียบกับร้อยละ 43 ที่โทษเดโมแครต
ในขณะที่ผู้ที่ต้องตกเป็น "เหยื่อ" ของการชัตดาวน์เพิ่มขึ้นทุกวัน ล่าสุดคือ ความช่วยเหลือด้านอาหารที่ให้แก่ผู้มีรายได้น้อย ต้องหยุดลงเป็นครั้งแรกอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน พนักงานรัฐบาลกลางตั้งแต่ที่ทำงานตามสนามบินต่าง ๆ ไปจนถึงเจ้าหน้าที่บังคับใช้กฎหมาย และกองทัพสหรัฐฯ กำลังทำงานโดยไม่ได้รับค่าจ้าง และเศรษฐกิจสหรัฐฯ ต้องเดินไปอย่างตาบอด เนื่องจากรัฐบาลกลางไม่สามารถรายงานตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญได้
วุฒิสภาสหรัฐฯ ได้ลงมติไปแล้วมากกว่า 12 ครั้ง ไม่ยอมผ่านร่างงบประมาณชั่วคราวที่ผ่านสภาผู้แทนราษฎรมาแล้ว ซึ่งจะเป็นงบประมาณอุดช่องว่าง (stopgap) ให้รัฐบาลกลางมีเงินใช้ไปชั่วคราว ก่อนที่จะสามารถผ่านร่างงบประมาณถาวรได้ และยังไม่มีวุฒิสมาชิกคนใดเปลี่ยนจุดยืนนี้
ถึงแม้ว่าพรรครีพับลิกันจะครองเสียงข้างมากในวุฒิสภา 53 ต่อ 47 เสียงก็ตาม แต่ยังไม่ถึง เกณฑ์ 60 เสียงที่จำเป็นต้องได้รับ ในการลงมติผ่านร่างกฎหมายส่วนใหญ่ในวุฒิสภา หมายความว่า รีพับลิกันจำเป็นต้องได้เสียงสนับสนุน 7 เสียงจากวุฒิสมาชิกเดโมแครต จึงจะสามารถผ่านร่างงบประมาณได้.
Tag
ยอดนิยมในตอนนี้
