ผลกระทบโควิด! หลายครอบครัวไม่มีเงินซื้ออาหาร ต้องตระเวนไปรับข้าวบริจาคจากที่ต่าง ๆ
ที่ จ.ชลบุรี ผลกระทบโควิด-19 หลายครอบครัวเริ่มส่งผลกระทบ หลายครอบครัวไม่มีเงินซื้ออาหาร ต้องตระเวนไปรับข้าวบริจาคจากที่ต่างๆพร้อมรอคอยความหวังกับเงินเยียวยา 5,000 บาท เพื่อเอามาประทังชีวิต
ไม่พลาดทุกกระแสร้อนชลบุรี-พัทยา กดรับข่าว “พัทยานิวส์”ผ่านไลน์ได้แล้ววันนี้
จากกรณีปัญหาการแพร่ระบาดโรคโควิด-19 ทำให้หลายครอบครัวได้รับผลกระทบ อย่างเช่นครอบครัวหนึ่งในเมืองพัทยา จ.ชลบุรี ภายในซอยโพธิสารครอบครัวของนายมานะ ศรี คงทน ที่เดินทางมารับอาหารที่ทางครอบครัวยาประคำนำโดยนายมานะ ยาประคำ ประธานสภาวัฒนธรรมเมืองพัทยาได้ทำการแจกอาหารชุดจำนวน 360 ชุด ซึ่งแจกตามกำลังทรัพย์ของตัวเอง และอาหารที่แจกประกอบด้วยน้ำดื่ม หน้ากากผ้าและผลไม้ ซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นพื้นฐานของทุกคนในชั่วโมงนี้ และตั้งใจจะแจกข้าวสารอีกจำนวน 2,000 กิโลกรัม อีกครั้ง เพื่อช่วยให้ผ่านวิกฤตครั้งนี้ไปด้วยกัน
ครอบครัวของนายมานะ ศรี คงทน ซึ่งเดินทางพร้อมญาติเพื่อมารับอาหารหลังได้รับผลกระทบจากเชื้อโควิด19 ระบาด โดยเล่าให้ทางผู้สื่อข่าวฟังว่าวันนี้พาครอบครัวที่มีสมาชิกอยู่ 3 คนและพาหลานๆที่อยู่ข้างบ้านอีก 2 คนมาเข้าแถวเพื่อรอรับอาหารที่แจกในครั้งนี้ด้วยเนื่องจากปัจจุบันตนเองและภรรยาไม่มีรายได้ใดๆมานานกว่า 2 เดือนแล้ว ซึ่งแต่เดิมทำงานอยู่ที่แพลากร่ม แต่ปัจจุบันรัฐบาลสั่งให้หยุดแพลากร่ม จึงพยายามดิ้นรนหางานอื่นทำแทนเพื่อหาเงินประทังชีวิต ตอนแรกไปทำงานก่อสร้างได้ 4-5 วัน งานก็หมดจึงพยายามหางานเรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน โดยไม่รอคอยความหวังจากภาครัฐเพียงอย่างเดียว แต่ก็ไม่มีที่ไหนจ้างงานเพราะทุกคนได้รับผลกระทบกันหมด ส่วนภรรยาแต่เดิมขายของอยู่ที่เกาะล้านตอนนี้เกาะล้านก็ปิดเกาะเช่นกันทำให้ต้องตกงานทั้งคู่และเงินเก็บก็นำมาใช้จนหมดแล้ว แต่ก็พยายามดิ้นรนช่วยเหลือตัวเองเพื่อไม่สร้างปัญหาให้กับใครจึงนำเอาของใช้ภายในบ้านไปจำนำจนเกือบหมดล่าสุดเอาทีวีไปจำนำได้เงินกลับมาเพียงไม่กี่ร้อยบาท จนถึงปัจจุบันเงินหมดของที่จะจำนำได้ก็หมดไม่เหลือแม้แต่เงินติดตัวสักบาท วิธีเดียวที่จะเอาตัวรอดได้ในขณะนี้คือพยายามตะเวนหาจุดแจกอาหารฟรีต่างๆที่ได้ยินข่าวมาว่าอยู่บริเวณไหนบ้าง ถ้าไปได้ก็จะตามไปทุกที่เพื่อหาอาหารทั้งข้าวกล่อง อาหารแห้งมาประทังชีวิต ปัจจุบันอาหารแห้งที่ได้มาคาดว่าจะทั้งชีวิตได้อีกประมาณ 10 วัน ซึ่งระหว่างนี้ต้องหาจุดแจกข้าวกล่องถึงจะช่วยยืดเวลาอยู่ต่อไปได้อีก คิดว่าคงเป็นวิธีเดียวที่จะเอาตัวรอดในขณะนี้
ส่วนกรณีการลงทะเบียนรอรับการช่วยเหลือจากภาครัฐเป็นเงินจำนวน 5,000 บาทได้ลงทะเบียนแล้วทั้งตนเองและภรรยาแต่อยู่ในสถานะรอ ทั้งนี้ก็ไม่รู้ว่าจะได้รับเงินหรือเปล่า อีกทั้งล่าสุดไฟฟ้าที่บ้านจะถูกตัดแต่ด้วยบ้านที่ตัวเองอยู่มีกลุ่มหมู่บ้านเล็กๆอยู่ประมาณ 10 หลังคาเรือนซึ่งทุกครัวเรือนได้รับผลกระทบกันหมดคือว่างงานไม่มีงาน ไม่มีเงินและมีญาติที่อยู่ในหมู่บ้านเดียวกันนี้ได้รับเงินจากรัฐบาลมา 5,000 บาทจึงนำไปช่วยจ่ายค่าไฟให้แทนก่อน ซึ่งหากตัวเองได้เงินมาก็จะต้องเอาเงินไปใช้หนี้เขาในภายหลัง ตอนนี้ความหวังเดียวคือให้รัฐบาลพิจารณาให้ตนเองและภรรยาผ่านเกณฑ์ได้รับการช่วยเหลือเงิน 5,000 บาทจึงจะสามารถผ่านวิกฤตไปได้ แต่หากไม่เข้าเกณฑ์ก็ยังไม่รู้ว่าหนทางข้างหน้าจะเป็นอย่างไรคงต้องตะเวนรับเข้ากล่องและอาหารแห้งตามจุดต่างๆไปก่อน