“ทรัมป์” ขึ้นวีซ่า H-1B หลายชาติสบช่องดึงคน

ภาคธุรกิจและประเทศต่าง ๆ กำลังประเมินผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น หลังประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ ลงนามคำสั่งขึ้นค่าธรรมเนียมวีซ่าแรงงานทักษะสูงที่เรียกว่า H-1B สูงถึง 100,000 ดอลลาร์ เริ่มมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 21 กันยายนที่ผ่านมา โดยบังคับใช้กับผู้ขอวีซ่ารายใหม่ ไม่ใช่ผู้ที่ต่ออายุวีซ่าหรือผู้ถือวีซ่าอยู่แล้วในปัจจุบัน
คำสั่งดังกล่าวส่งผลกระทบอย่างมากต่อบริษัทด้านการเงินและเทคโนโลยีของสหรัฐฯ ซึ่งใช้วีซ่า H-1B ในการสรรหาบุคลากรที่มีทักษะสูงจากอินเดีย จีน และประเทศอื่น ๆ
CNBC รายงานว่า ในทางกลับกัน ความเคลื่อนไหวของประธานาธิบดีทรัมป์ได้เปิดช่องให้แหล่งรวมบุคลากรทักษะสูงบางแห่ง โดยเฉพาะในยุโรป ตะวันออกกลาง และเอเชีย มีโอกาสที่จะดึงแรงงานระดับหัวกะทิมากขึ้น
“ชาร์ลส์-เฮนรี มอนเชา” ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายลงทุนของ “ซิส กรุ๊ป” (Syz Group) มองว่า การที่สหรัฐฯ ขึ้นค่าธรรมเนียมวีซ่า H-1B สู่ระดับเลข 6 หลัก อาจเปิดช่องให้ศูนย์กลางด้านแรงงานมีทักษะแห่งอื่น ๆ เร่งดึงแรงงานหัวกะทิแทนที่จะไปยังสหรัฐฯ ซึ่งในที่สุดแล้วจะส่งผลกระทบต่อการสร้างสรรค์นวัตกรรมของสหรัฐฯ
เขาระบุว่า นี่อาจเป็นโอกาสสำหรับอังกฤษ ยุโรป หรือศูนย์กลางอื่น ๆ อาทิ ดูไบ จีน เพราะหากสหรัฐฯ เข้มงวดมากขึ้น ก็จะถือเป็นโอกาสสำหรับหลายประเทศที่จะดึงดูดผู้เชี่ยวชาญและแรงงานทักษะสูงจากต่างประเทศ
อย่างไรก็ตาม ผลกระทบจากการขึ้นค่าธรรมเนียมวีซ่าอาจไม่ได้กระทบต่อบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ของสหรัฐฯ มากนัก ข้อมูลจากสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองและสัญชาติของสหรัฐฯ ระบุว่า ในปีงบการเงิน 2568 ซึ่งสิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน “แอมะซอน” มีจำนวนพนักงานที่ได้รับวีซ่าประเภทนี้กว่า 14,000 คน ส่วน “ไมโครซอฟท์”, “เมตา แพลตฟอร์มส์”, “แอปเปิล”, “กูเกิล” มีพนักงานกลุ่มนี้แห่งละกว่า 4,000 คน
Tag
ยอดนิยมในตอนนี้
