NFLX กำไรทำจุดสูงสุดใหม่ นักท่องเที่ยวเข้าสหรัฐฯ -11%
#หุ้นสหรัฐ #ทันหุ้น – บทวิเคราะห์ โดย บล.เอเซียพลัส
.
- ตลาดหุ้นส่วนใหญ่ปิดทำการในวันศุกร์เนื่องในวัน Good Friday
- Mary Daly ประธาน Fed สาขาซานฟรานซิสโกระบุว่า ถึงแม้จะเห็นด้วยกับการปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 2 ครั้งในปีนี้ แต่ความเสี่ยงที่เงินเฟ้อจะเพิ่มขึ้นบ่งชี้ว่า Fed อาจต้องปรับลดดอกเบี้ยน้อยลง โดยเฉพาะเมื่อพิจารณาถึงความไม่แน่นอนเกี่ยวกับนโยบายการค้าของประธานาธิบดี Donald Trump ซึ่งจนถึงตอนนี้ยังไม่เห็นผลกระทบต่อการเติบโตของเศรษฐกิจสหรัฐฯ
.
- Netflix (NFLX US, NFLX80X TB) ทำกำไรสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในไตรมาสแรกปี 2025ท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจโลกที่ผันผวน สะท้อนศักยภาพการดำเนินธุรกิจที่แข็งแกร่งของบริษัทสตรีมมิ่งรายใหญ่ที่สุดของโลก โดย Netflix รายงานผลประกอบการไตรมาสแรกของปี 2025โดยมีกำไรสุทธิต่อหุ้นอยู่ที่ $6.61 เพิ่มขึ้น 25% YoY ขณะที่รายได้รวมอยู่ที่ $1.054 หมื่นล้านเติบโต 13% YoY ตัวเลขดังกล่าวสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ และถือเป็นไตรมาสที่ Netflix ทำกำไรได้สูงสุดในประวัติศาสตร์ของบริษัท ส่วนกำไรจากการดำเนินงานอยู่ที่ $3.35พันล้าน เพิ่มขึ้น 27% YoY ด้วยแรงหนุนจากอัตรากำไรการดำเนินงาน (Operating Margin) ขยับขึ้นแตะระดับ 31.7% ซึ่งสูงกว่าคาดที่ 28.6%
.
- ฝ่ายกลยุทธ์ฯ ยังคงแนะนำเก็งกำไร Netflix หลังบริษัทเผยผลประกอบการและให้คาดการณ์ออกมาอย่างโดดเด่น แม้ตลาดโดยรวมจะเผชิญแรงกดดันจากปัจจัยภายนอก เช่น ความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจและนโยบายภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ แต่ด้วยโครงสร้างรายได้หลักของ Netflix ที่มาจากระบบสมาชิกแบบ Subscription ซึ่งมีความยืดหยุ่นสูง ทำให้บริษัทสามารถรับมือกับความผันผวนทางเศรษฐกิจได้
.
- สำนักงานศุลกากรและการป้องกันชายแดนของสหรัฐฯเปิดเผยข้อมูลว่า จำนวนผู้เดินทางจากต่างประเทศเข้าสหรัฐฯ ลดลงอย่างมากในเดือน มี.ค. โดยลดลง 11% YoY โดยจำนวนนักท่องเที่ยวจากแคนาดา ซึ่งเป็นกลุ่มใหญ่ที่สุดของผู้เดินทางเยือนสหรัฐฯ ในเดือน มี.ค. ลดลง 18%YoY อีกทั้งสำนักข่าวซินหัวรายงานว่า หากแนวโน้มนี้ยังคงดำเนินต่อไป สหรัฐฯ อาจสูญเสียรายได้จากการท่องเที่ยวราว $6 หมื่นล้านในปีนี้
.
- ฝ่ายกลยุทธ์ฯ มองว่าประเด็นนี้อาจจะกดดันราคาหุ้นกลุ่มท่องเที่ยวได้ในระยะสั้น อาทิ กลุ่มสายการบินและกลุ่มเรือสำราญ ซึ่งก่อนหน้านี้ทางฝ่ายกลยุทธ์ฯ ได้แนะนำให้ระมัดระวังหุ้นกลุ่มท่องเที่ยวในระยะสั้นหลังจากก่อนหน้านี้ Delta Air Lines ได้ปรับลดคาดการณ์กำไร ถือเป็นสัญญาณเตือนว่าความต้องการเดินทางในสหรัฐฯ เริ่มชะลอตัว
สาเหตุหลักมาจากภาคธุรกิจที่ลดการเดินทางและผู้บริโภคที่รัดเข็มขัดมากขึ้น สะท้อนถึงความกังวลของเศรษฐกิจสหรัฐฯ ซึ่งอาจเกี่ยวเนื่องกับความเชื่อมั่นของภาคเอกชนที่ได้รับผลกระทบจากนโยบายของรัฐบาลชุดใหม่ที่จะกระทบต่อการทำธุรกิจ รายได้และค่าครองชีพ อาทิ การปรับขึ้นภาษีนำเข้า การส่งผู้อพยพกลับถิ่นกำเนิด และการลดการจ้างงานในส่วนงานรัฐบาล
.
อย่างไรก็ตาม ยังไม่ใช่สัญญาณให้ตื่นตระหนกจนต้องหลีกเลี่ยงหุ้นกลุ่มนี้ทั้งหมด แต่เป็นช่วงที่ต้องเลือกลงทุนอย่างระมัดระวังมากขึ้น โดยในระยะยาวเรายังคงมีมุมมองบวกต่อบริษัทที่พึ่งพารายได้จากนักท่องเที่ยวต่างชาติที่สูง เช่น Booking Holdings (BKNG US) ซึ่งมีรายได้จากยุโรปและเอเชียที่เติบโตแข็งแกร่ง รวมถึงบริษัทที่ยังมีแนวโน้มผลประกอบการดีในระยะกลางถึงยาว เช่น Royal Caribbean (RCL US) และ Carnival (CCL US) ที่ได้รับอานิสงส์จากอุปสงค์เดินเรือสำราญระยะยาว และสายการบินที่มีฐานลูกค้าระดับพรีเมียม และการเดินทางต่างประเทศที่สูง เช่น Delta Air Lines (DAL US) และ United Airlines (UAL US)
.
- นายเหอ ลี่เฟิง รองนายกรัฐมนตรีจีน ได้พบปะกับ Jensen Huang ประธานและ CEO ของ Nvidia ที่มหาศาลาประชาชน ณ กรุงปักกิ่ง โดยนายเหอ ลี่เฟิง กล่าวว่า “ตลาดจีนมีศักยภาพในการลงทุนและการบริโภคมหาศาล การเปลี่ยนแปลงอุตสาหกรรมกำลังก้าวไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว จีนเป็นเวทีที่ดีที่สุดสำหรับการปฏิวัติทางเทคโนโลยีและการเปลี่ยนแปลงอุตสาหกรรม และยังคงเป็นแหล่งที่ดีสำหรับการลงทุนและการค้าของบริษัทต่างชาติด้วย ยินดีต้อนรับบริษัทสหรัฐฯ ที่รวมถึง Nvidia ให้เข้ามาลงทุนในตลาดจีน และนำเสนอความสามารถทางอุตสาหกรรมในจีน รับความได้เปรียบในการแข่งขันระดับโลก” ขณะที่ CEO ของ Nvidia ระบุว่ามองเห็นแนวโน้มที่ดีในอนาคตของเศรษฐกิจจีนและยินดีที่จะเน้นการลงทุนในตลาดจีนต่อไปเพื่อแสดงบทบาทอย่างแข็งขันในการส่งเสริมความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการค้าระหว่างจีนและสหรัฐฯ
.
- ฝ่ายกลยุทธ์ฯ ยังคงแนะนำเก็งกำไรตามแนวรับอย่างระมัดระวัง หลังมีความเสี่ยงและแรงกดดันในเชิงนโยบายที่เพิ่มขึ้นรวมทั้งมีความไม่แน่นอนสูง ซึ่งต้องติดตามอย่างใกล้ชิด ไม่ว่าจะเป็นประเด็นภาษีทางการค้าเฉพาะกลุ่มสำหรับเซมิคอนดักเตอร์ที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต ความกังวลต่อการลงทุนที่อาจเริ่มชะลอลงในบางกลุ่มลูกค้า รวมถึงกรณีล่าสุดที่สหรัฐฯ กำหนดให้การส่งออก H20 ไปจีนต้องขออนุญาตก่อน ซึ่งกลายเป็นแรงกดดันเชิง Sentiment อย่างไรก็ตามในระยะยาวยังคงมองว่า Nvidia มีความสามารถในการปรับตัวจากข้อจำกัดด้านการส่งออกโดยในอดีตบริษัทเคยถูกห้ามจำหน่าย H100 และ A100 ไปยังจีน จึงได้มีการพัฒนา H800 และ ล่าสุดคือ H20 เพื่อให้ผ่านเกณฑ์การควบคุมที่เปลี่ยนไปตลอดเวลา แสดงให้เห็นถึงความคล่องตัวในการวิจัยและพัฒนาที่เป็นจุดแข็งสำคัญของบริษัท ด้วยความสามารถในการพัฒนาและปรับสินค้าให้ตอบรับกับข้อจำกัดใหม่ ๆ รวมถึงการลงทุนมูลค่า $500 พันล้านในสหรัฐฯ ที่สอดคล้องกับยุทธศาสตร์เศรษฐกิจของรัฐบาลสหรัฐฯ ฝ่ายกลยุทธ์ฯ ยังคงมุมมองเชิงบวกในระยะยาว สำหรับนักลงทุนที่ต้องการ Exposure ต่อ Theme การเติบโตของ AI ระดับโลก
.
- L’Oreal (OR FP, LOREAL80 TB) รายงานยอดขายไตรมาสแรกปี 2025 เติบโตสูงกว่านักวิเคราะห์คาดการณ์ แม้เผชิญแรงกดดันจากตลาดอเมริกาเหนือ โดยเฉพาะในสหรัฐฯ ที่ความต้องการเครื่องสำอางอ่อนตัวลง แต่ได้รับแรงหนุนจากตลาดยุโรปซึ่งยังคงแข็งแกร่ง ทั้งในกลุ่มผลิตภัณฑ์บำรุงผิวและน้ำหอม โดยยอดขายรวมของ L’Oreal ในไตรมาสแรกอยู่ที่ 1.17หมื่นล้านยูโร เพิ่มขึ้น 4.4% YoY โดยหากวัดแบบ “like-for-like” ซึ่งเปรียบเทียบเฉพาะร้านค้าเดิมที่เปิดทำการครบปี บริษัทสามารถทำยอดขายเติบโตได้ถึง 3.5% สูงกว่าคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ 1.3% ทั้งนี้ ตัวเลขดังกล่าวรวมผลบวกพิเศษจากการจัดส่งสินค้าล่วงหน้าไปยังจีนก่อนที่บริษัทจะมีการเปลี่ยนระบบ IT ซึ่งช่วยหนุนให้ยอดขายสูงขึ้น
.
- Tesla (TSLA US) อาจเลื่อนเปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้าราคาประหยัด ส่อกระทบเป้าการเติบโตปี2025 สำนักข่าว Reuters รายงานว่า Tesla อาจเลื่อนแผนการผลิต Model Y รุ่นราคาประหยัดออกไปเป็นปี 2026 ซึ่งหากข่าวนี้เป็นจริง จะสร้างความผิดหวังแก่นักลงทุนที่คาดหวังการกระตุ้นยอดขายในปี 2025 ทั้งนี้ Tesla จะมีการประกาศผลประกอบการไตรมาส 1/2025 ในวันที่ 22 เมษายน นี้
.
ญี่ปุ่นกำลังพิจารณาผ่อนคลายกฎระเบียบด้านความปลอดภัยของรถยนต์นำเข้า ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการเจรจาภาษีกับสหรัฐฯ โดยญี่ปุ่นได้รับผลกระทบจากภาษีรถยนต์ในอัตรา 25% ซึ่งเป็นสินค้าส่งออกหลักของเศรษฐกิจญี่ปุ่นที่พึ่งพาการส่งออกเป็นอย่างมาก เนื่องจากญี่ปุ่นและสหรัฐฯ ใช้มาตรฐานด้านความปลอดภัยที่แตกต่างกัน จึงมองเห็นโอกาสในการผ่อนปรนกฎเกี่ยวกับการทดสอบการชน (Crash tests) เพื่อใช้เป็นแต้มต่อในการเจรจาการค้านอกจากนี้ Trump ได้กล่าวเมื่อไม่นานมานี้ว่า การเจรจาภาษีกับญี่ปุ่นมี “ความคืบหน้าอย่างมาก” ซึ่งเป็นหนึ่งในการเจรจาแบบพบหน้าครั้งแรกๆ นับตั้งแต่ที่ Trump เริ่มบังคับใช้ภาษีจำนวนมากกับสินค้านำเข้าจากทั่วโลก
.
- รายงานตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญสัปดาห์นี้: ญี่ปุ่น Tokyo CPI เดือน เม.ย. (ตลาดคาด +3.3% YoY vs. เดือนก่อน +2.9%), PPI เดือน มี.ค. (ตลาดคาดและเดือนก่อน +3.0% YoY) ยูโรโซน HCOB Manufacturing PMI เบื้องต้นเดือน เม.ย. (ตลาดคาดที่ระดับ 47.5 จุด vs. เดือนก่อน 48.6 จุด) สหรัฐฯ S&P Global Manufacturing PMI เบื้องต้นเดือน เม.ย. (ตลาดคาดที่ระดับ 49.3 จุด vs. เดือนก่อน 50.2 จุด), New Home Sales เดือน มี.ค. (ตลาดคาด +0.7% MoM vs. เดือนก่อน +1.8%) และ Existing Home Sales เดือน มี.ค. (ตลาดคาด -2.8% MoM vs. เดือนก่อน +4.2%) นอกจากนี้ ยังต้องติดตามรายงานทบทวนประมาณการเศรษฐกิจโลก (WEO Update) ของ IMF ในวันที่ 22 เม.ย. ซึ่งคาดว่าจะมีการประเมินผลกระทบที่เกิดขึ้นจากภาษีตอบโต้คู่ค้าของสหรัฐฯ ที่มีผลต่อแนวโน้มเศรษฐกิจโลก ที่คาดว่าจะมีการปรับประมาณการลงจากครั้งก่อนเมื่อเดือน ม.ค. ทั้งนี้ ประเด็นจากสงครามการค้ายังมีความไม่แน่นอนสูงและยังมีความเสี่ยงในการโต้ตอบกันไปมาโดยเฉพาะสหรัฐฯ กับจีน เน้นหุ้นกลุ่มDomestic/Defensive/Dividendเพื่อลดความผันผวนของพอร์ต
.
- ติดตามรายงานผลประกอบการฯ ในสัปดาห์นี้: อังคาร Verizon (ตลาดคาดรายได้ +0.8% YoY และ EPS -0.2%) พุธ Boeing (ตลาดคาดรายได้ +18.3% YoY และ EPS -5.6%), AT&T (ตลาดคาดรายได้ +1.1% YoY และ EPS -6.0%) พฤหัสบดี Alphabet (ตลาดคาดรายได้ +10.7%YoY และ EPS +6.2%), Intel (ตลาดคาดรายได้ -3.3% YoY และ EPS -96.3%) ศุกร์ Abbvie (ตลาดคาดรายได้ +4.9% YoY และ EPS +3.8%)