รีเซต

คาดเฟดเมินหั่นดอกเบี้ย เจ้าหน้าที่เฟดหนุน คุมเข้มนโยบายการเงิน

คาดเฟดเมินหั่นดอกเบี้ย เจ้าหน้าที่เฟดหนุน คุมเข้มนโยบายการเงิน
TNN ช่อง16
18 พฤศจิกายน 2568 ( 12:24 )
8

บรรดานักลงทุน พากันเทน้ำหนักมากกว่าร้อยละ 55 แล้ว ต่อคาดการณ์ที่ว่าธนาคารกลางสหรัฐ  จะไม่ปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนหน้า ซึ่งเป็นนัดสุดท้ายของปีนี้ ท่ามกลางความเห็นของเจ้าหน้าที่เฟดหลายราย ที่ยังไม่สนับสนุนให้เฟด ผ่อนคลายนโยบายการเงิน

โดยล่าสุด FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนักร้อยละ 55.4 ที่เฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับร้อยละ 3.75 - 4.00 ในการประชุมเดือน ธ.ค. จากเดิมที่ให้น้ำหนักเพียงร้อยละ 37.6 ในสัปดาห์ที่แล้ว ส่วนโอกาสที่เฟด จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงร้อยละ 0.25 สู่ระดับร้อยละ 3.50-3.75 ในการประชุมเดือนธ.ค. นั้น นักลงทุนให้น้ำหนักลดลงมาเหลือที่ร้อยละ 44.6 แล้ว ซึ่งลดลงจากเดิมที่ให้น้ำหนักมากถึงร้อยละ 62.4 ในสัปดาห์ที่แล้ว

ขณะที่การแสดงความเห็นของเจ้าหน้าที่เฟดหลายราย พบว่าต่างเพิ่มน้ำหนักต่อมุมมองที่ว่าโอกาสในการผ่อนคลายนโยบายการเงินของเฟดได้เริ่มลดน้อยลง

อย่างนายอัลแบร์โต มูซาเล็ม ประธานเฟดสาขาเซนต์หลุยส์ กล่าวว่า เฟดควรใช้ความระมัดระวังในการดำเนินนโยบายทางการเงิน ขณะที่นางเบธ แฮมแมค ประธานเฟดสาขาคลีฟแลนด์ ระบุว่า นโยบายการเงินที่ยังคงเข้มงวดจะช่วยแก้ไขปัญหาเงินเฟ้อ 

ส่วนนายนีล แคชแครี ประธานเฟดสาขามินนิอาโปลิส กล่าวว่า เขายังไม่ได้ตัดสินใจเกี่ยวกับการดำเนินนโยบายอัตราดอกเบี้ยในเดือนธ.ค. หลังจากที่เขาได้ลงมติคัดค้านการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของเฟดในเดือนต.ค.ที่ผ่านมา

ตอนนี้ นักลงทุนกำลังจับไปที่กระทรวงแรงงานสหรัฐ เพราะมีกำหนดจะรายงานตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรประจำเดือนก.ย. รวมทั้งตัวเลขผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ ในวันพฤหัสบดีที่ 20 พ.ย. เวลา 08.30 น.ตามเวลาสหรัฐ หรือ 20.30 น.ตามเวลาไทย หลังจากได้เลื่อนการเผยแพร่ก่อนหน้านี้ อันเนื่องจากภาวะการปิดหน่วยงานรัฐบาลในสหรัฐฯ 

ทัวร์จีนระงับขายทริปเยือนญี่ปุ่น เซ่นปมขัดแย้งกรณีไต้หวัน

ความขัดแย้งระหว่างจีนและญี่ปุ่น เป็นอีกหนึ่งความเสี่ยงที่ต้องจับตา เพราะสถานการณ์ความขัดแย้งได้ทวีความรุนแรงขึ้น โดยหลังจากที่ทางการจีน ออกแถลงการณ์เตือนพลเมืองให้หลีกเลี่ยงการเดินทางไปญี่ปุ่น ล่าสุด บรรดาบริษัททัวร์จีน ก็เริ่มระงับการขายทริปเยือนญี่ปุ่นแล้ว 

แหล่งข่าวในวงการอุตสาหกรรมท่องเที่ยวเปิดเผยว่า บริษัทนำเที่ยวรายใหญ่ของจีนหลายแห่ง ได้ระงับการจำหน่ายแพ็กเกจทัวร์สำหรับเดินทางไปยังประเทศญี่ปุ่นแล้ว หลังรัฐบาลจีนแนะพลเมืองหลีกเลี่ยงการเดินทางเยือนญี่ปุ่นเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ท่ามกลางความขัดแย้งทางการทูตที่ทวีความรุนแรงขึ้นในประเด็นเกี่ยวกับไต้หวัน 

รอยร้าวในความสัมพันธ์ทวิภาคีล่าสุดนี้ มีชนวนมาจากการแสดงความคิดเห็นของนายกรัฐมนตรี "ซานาเอะ ทากาอิจิ" ของญี่ปุ่นเกี่ยวกับความเป็นไปได้ในการตอบสนองของญี่ปุ่นต่อสถานการณ์ฉุกเฉินในไต้หวัน ก่อนที่กระทรวงต่างประเทศของจีนระบุว่า ถ้อยแถลงที่ "ยั่วยุ" ของผู้นำญี่ปุ่น ได้ทำให้ "บรรยากาศของการไปมาหาสู่ระหว่างประชาชนของทั้งสองฝ่ายย่ำแย่ลงอย่างหนัก ก่อให้เกิดความเสี่ยงอย่างมากต่อความปลอดภัยของชาวจีน" ในญี่ปุ่น

อย่างไรก็ดี มีรายงานระบุว่า "มาซาอากิ คานาอิ" ผู้อำนวยการสำนักกิจการเอเชียและโอเชียเนีย กระทรวงการต่างประเทศญี่ปุ่น เดินทางไปยังจีนแล้วในวันจันทร์ (17 พ.ย.) ที่ผ่านมา เพื่อบรรเทาความขัดแย้งทางการทูตที่ทวีความร้อนระอุขึ้น โดยแหล่งข่าวเปิดเผยกับสำนักข่าวเกียวโดว่า ในการประชุมที่คาดว่าจะจัดขึ้นในวันอังคาร (18 พ.ย.) เจ้าหน้าที่ระดับสูงของญี่ปุ่น จะเน้นย้ำว่า "ทาคาอิจิ" ไม่ได้เปลี่ยนแปลงจุดยืนของญี่ปุ่นตามที่ระบุไว้ในแถลงการณ์ร่วมปี 2515 ซึ่งยอมรับสาธารณรัฐประชาชนจีนเป็นรัฐบาลที่ชอบธรรมเพียงหนึ่งเดียวของจีน

ทั้งนี้ นักท่องเที่ยวชาวจีนนั้นถือเป็นสัดส่วนสำคัญของผู้มาเยือนจากต่างประเทศในญี่ปุ่น ข้อมูลจากรัฐบาลญี่ปุ่นชี้ว่า ระหว่างเดือนม.ค.-ก.ย. ปีนี้ มีชาวต่างชาติเดินทางมาเยือนญี่ปุ่นประมาณ 31.65 ล้านคน โดยในจำนวนนี้เป็นนักท่องเที่ยวจากจีนราว 7.49 ล้านคน ซึ่งเป็นจำนวนที่มากที่สุดเมื่อจำแนกตามประเทศหรือภูมิภาค

"ญี่ปุ่น" ยกเครื่อง "คริปโทเคอร์เรนซี” ลดภาษีกำไรถูกลง

ทางการญี่ปุ่น กำลังวางแผนที่ยกเครื่องกฎระเบียบต่อ "คริปโทเคอร์เรนซี" ครั้งใหญ่ ซึ่งมีแนวโน้มที่จะเอื้อต่อการลงทุนมาขึ้น โดยกฎระเบียบดังกล่าว รวมไปถึงการปรับลดอัตราภาษีจากกำไรในการซื้อขายด้วย

สำนักงานบริการทางการเงินของญี่ปุ่น (FSA) กำลังพิจารณาเปลี่ยนแปลงกฎระเบียบครั้งใหญ่ ซึ่งจะกำหนดนิยามให้คริปโทเคอร์เรนซีมีสถานะเป็น "ผลิตภัณฑ์ทางการเงิน" อันจะส่งผลให้คริปโทฯ ต้องอยู่ภายใต้กฎเกณฑ์ว่าด้วยการใช้ข้อมูลภายในเพื่อซื้อขาย (insider trading) รวมไปถึงการปรับลดอัตราภาษีจากกำไรในการซื้อขาย

รายงานระบุว่า กฎระเบียบดังกล่าวจะครอบคลุมคริปโทฯ จำนวน 105 สกุลที่มีการซื้อขายในญี่ปุ่น เช่น บิตคอยน์และอีเธอเรียม และจะกำหนดให้บรรดากระดานเทรด ต้องเปิดเผยข้อมูลสำคัญ อาทิ ความเสี่ยงจากความผันผวนของราคาด้วย

กฎระเบียบใหม่นี้ จะอนุญาตให้สถาบันการเงินอย่างธนาคารและบริษัทประกันภัย สามารถเสนอขายคริปโทฯ ให้แก่ผู้ฝากเงินและผู้ถือกรมธรรม์ได้ โดยผ่านบริษัทหลักทรัพย์ในเครือ 

ในขณะที่ผลกำไรที่เกิดจากการทำธุรกรรมคริปโทฯ จะถูกจัดเก็บภาษีในอัตราร้อยละ 20 ซึ่งเป็นอัตราเดียวกับการซื้อขายหลักทรัพย์ในตลาดหุ้น ซึ่งตัวเลขดังกล่าว นับว่าลดลงจากปัจจุบันซึ่งจัดเก็บในอัตราสูงสุดถึงร้อยละ 55 

รายงานยังระบุด้วยว่า สำนักงานบริการทางการเงินของญี่ปุ่น คาดหวังว่าจะสามารถผลักดันให้มีการตราร่างกฎหมายที่จำเป็นได้สำเร็จในสมัยประชุมสามัญของรัฐสภาปีหน้า

ยอดนิยมในตอนนี้

แท็กยอดนิยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง