หมอมนูญเผยป่วยตาแดงแบบไหน? อาจติดโควิดสายพันธุ์ XBB.1.16
วันนี้ ( 24 เม.ย. 66 )นายแพทย์มนูญ ลีเชวงวงศ์ แพทย์เฉพาะทางด้านโรคระบบการหายใจและผู้ป่วยหนัก รพ.วิชัยยุทธ เปิดเผยผ่านเพจเฟซบุ๊กส่วนตัวโดยระบุว่า ประเทศอินเดียรายงานว่า พบอาการตาแดง คันตา ขี้ตาเหนียว ทำให้ลืมตาลำบาก โดยเฉพาะในเด็กที่ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์ XBB.1.16
เหมือนกับอาการจมูกไม่ได้กลิ่น ลิ้นไม่รับรส เป็นลักษณะค่อนข้างจำเพาะของคนที่ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์เดลตา
ผู้ป่วยชายไทยอายุ 42 ปี วันที่ 13 เมษายน 2566 ระหว่างอยู่ต่างประเทศ เริ่มมีไข้ ไอ เจ็บคอ น้ำมูกไหล กลับถึงประเทศไทยวันที่ 16 เมษายน ตาแดง มีขี้ตาเหนียวทั้ง 2 ข้าง (ดูรูป) ลืมตาได้ ไม่คันตา ไม่เจ็บตา ตามองเห็นปกติ ไม่มีประวัติโรคภูมิแพ้ เคยติดเชื้อโควิดมกราคม 2565 ครั้งนั้นตาไม่แดง ฉีดวัคซีนแอสตราเซเนกา 2 เข็ม และโมเดอร์นา 1 เข็ม วันที่ 17 เมษายน 2566 ตรวจ ATK ให้ผลบวก เอกซเรย์ปอดปกติ ได้ยาโมลนูพิราเวียร์ อาการต่างๆไข้ ไอ ดีขึ้น ตาแดงดีขึ้นใช้เวลา 7 วัน
ผู้ป่วยรายนี้น่าจะติดเชื้อไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์ใหม่ XBB.1.16 จากต่างประเทศมากที่สุด ทำให้เกิดอาการตาแดง มีขี้ตาเหนียวร่วมด้วย
นายแพทย์มนูญ ยังวิเคราะห์สถานการณ์จำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 อีกว่าหลังผ่านพ้นเทศกาลสงกรานต์มาได้กว่า 1 สัปดาห์ ว่าจำนวนผู้ป่วยพุ่งสูงขึ้น เนื่องจากเทศกาลประชาชนเดินทางพบปะผู้คนจำนวนมาก ทั้งเดินทางในประเทศ ไปต่างประเทศ และยังมีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้าไทยด้วย ประกอบกับเชื้อกลายพันธุ์ที่แพร่ระบาดได้เร็ว ทำให้ผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้น และยังจะเพิ่มขึ้นอีก เฉพาะที่โรงพยาบาลวิชัยยุทธเดือนที่แล้วพบผู้ติดเชื้อเพียง 2 คน แต่ในตอนนี้ผู้ติดเชื้อพุ่งถึง 30 คนแล้ว จึงขอให้ประชาชนเฝ้าระวัง ล่าสุดที่ต้องจับตา คือสายพันธุ์ XBB.1.16 ที่พบในประเทศอินเดียจะระบาดเข้ามาในไทยและแทนที่สายพันธุ์อื่นอย่างแน่นอน
โดยสายพันธุ์นี้มีอาการคล้ายกับไข้หวัดใหญ่ มีไข้ ไอ เจ็บคอ มีน้ำมูกเสมหะ แต่จะมีอาการจำเพาะเพิ่มเข้ามา คือตาแดง ขี้ตาเหนียว ลืมตาได้แต่ลืมลำบาก และจากการรักษาผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19 พบ 1 คนมีอาการตรงตามกับการติดเชื้อสายพันธุ์ XBB.1.16 ตรวจสอบประวัติเดินทางกลับมาจากต่างประเทศ ซึ่งได้รับการรักษาหายแล้ว
นายแพทย์มนูญ ระบุด้วยว่า แม้หลังสงกรานต์พบผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้น อีกทั้งให้เฝ้าระวังสายพันธุ์ XBB.1.16แต่ประชาชนไม่ต้องตื่นตระหนก เพราะการระบาดจะยังไม่ถึงขั้นวิกฤติรับมือได้ อีกทั้งตอนนี้ทั้งยาเวชภัณฑ์ บุคลากร รวมถึงเตียงรองรับผู้ป่วยมีเพียงพอ แต่ขอให้ประชาชนเข้ารับการฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้น หรือรับการฉีดวัคซีนรุ่นใหม่ให้ฉีดป้องกันไว้ก่อนจะติดเชื้อ เพื่อลดอาการรุนแรงและความเสียงการเสียชีวิต โดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยง กลุ่มเปราะบาง ผู้สูงอายุ หญิงตั้งครรภ์ ผู้ป่วยมีโรคประจำตัว ซึ่งหลังจากนี้ทุกคนก็จะต้องรับการฉีดวัคซีนทุกปี ปีละ 1 เข็ม
กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข รายงานสถานการณ์ผู้ติดเชื้อโควิด 19 รอบสัปดาห์ ระหว่างวันที่ 16 - 22 เม.ย. มีผู้ป่วยรักษาตัวในโรงพยาบาล จำนวน 1,088 คน เฉลี่ยจำนวน 155 คนต่อวัน มีผู้เสียชีวิต จำนวน 5 คน เฉลี่ยจำนวน 1 คนต่อวัน ซึ่งทั้งผู้ป่วยและผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นจากสัปดาห์ก่อนหน้าตามที่คาดการณ์ไว้
ขณะที่หายป่วยสะสมตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2566 จำนวน 6,571 คน เสียชีวิตสะสม 278 คน ผู้ป่วยปอดอักเสบ 73 คน ผู้ป่วยใส่ท่อช่วยหายใจ 35 คน
ข้อมูลจาก : หมอมนูญ ลีเชวงวงศ์ FC
ภาพจาก : หมอมนูญ ลีเชวงวงศ์ FC