รีเซต

เปิดตัวเลขคนไทยเผชิญภัยมิจฉาชีพออนไลน์กว่า 73% กว่าครึ่งสูญเงินจริง

เปิดตัวเลขคนไทยเผชิญภัยมิจฉาชีพออนไลน์กว่า 73% กว่าครึ่งสูญเงินจริง
TNN ช่อง16
17 ธันวาคม 2568 ( 13:37 )
13

อาชญากรรมออนไลน์พุ่งทั่วโลก กระทบประชาชนกว่าร้อยละ 70

สถานการณ์อาชญากรรมออนไลน์ทั่วโลกกำลังทวีความรุนแรงขึ้นอย่างน่ากังวล ข้อมูลล่าสุดชี้ว่ามากกว่าร้อยละ 70 ของประชากรผู้ใหญ่ทั่วโลกเคยมีประสบการณ์เผชิญการหลอกลวงทางออนไลน์ และมากกว่าครึ่งหนึ่งตกเป็นเหยื่อจริง สะท้อนว่าอาชญากรรมรูปแบบนี้ได้กลายเป็นความเสี่ยงใกล้ตัวในชีวิตประจำวัน และเป็นปัญหาที่ทุกประเทศต้องเผชิญร่วมกัน

ประเทศไทยเจอหนัก ร้อยละ 73 เคยเผชิญภัย สูญเงินจริงเกือบครึ่ง

สำหรับประเทศไทย สถานการณ์ไม่ต่างจากภาพรวมโลก โดยข้อมูลปี 2566 ระบุว่า ร้อยละ 73 ของประชาชนอายุ 15 ปีขึ้นไปเคยเผชิญการหลอกลวงออนไลน์ และถึงร้อยละ 47 สูญเสียทรัพย์สินจริง กลุ่มเสี่ยงสูงสุดอยู่ในช่วงอายุประมาณ 45 ปี ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีรายได้และใช้งานแพลตฟอร์มดิจิทัลอย่างต่อเนื่อง

เวทีวิชาการจุฬาฯ ระดมองค์ความรู้ สร้างระบบนิเวศดิจิทัลปลอดภัย

คณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จัดเวทีวิชาการ “โครงการพัฒนามาตรการรับมืออาชญากรรมออนไลน์” เพื่อรวบรวมองค์ความรู้และข้อเสนอจากนักวิชาการ หน่วยงานรัฐ และภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง มุ่งสร้างระบบนิเวศดิจิทัลที่ปลอดภัย และลดความสูญเสียจากอาชญากรรมออนไลน์ในระยะยาว

ผลกระทบไม่ใช่แค่เงิน แต่ลามถึงสุขภาพจิตและความเชื่อมั่น

รศ.นวลน้อย ตรีรัตน์ คณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาฯ ระบุว่า ความเสียหายจากอาชญากรรมออนไลน์ไม่ได้จำกัดเพียงตัวเงิน แต่ยังส่งผลต่อความเชื่อมั่นและสุขภาพจิตของผู้เสียหาย หลายคนลดหรือเลิกใช้บริการออนไลน์ โดยเฉพาะแอปพลิเคชันทางการเงิน บางรายเกิดภาวะโทษตัวเอง หวาดระแวง และต้องเข้ารับการดูแลทางจิตใจ ขณะที่การแจ้งความยังต่ำกว่าความเป็นจริง เนื่องจากไม่คาดหวังว่าจะได้รับเงินคืน และมองว่ากระบวนการช่วยเหลือยังไม่ตอบโจทย์

อาชญากรรมข้ามชาติ ใช้เครือข่าย-คริปโท- AI เพิ่มความซับซ้อน

ปัญหาสำคัญคือ รูปแบบอาชญากรรมออนไลน์ที่พัฒนาเป็นเครือข่ายข้ามชาติ มีการแบ่งหน้าที่ชัดเจน ตั้งแต่การจัดหาข้อมูลส่วนบุคคล การใช้บัญชีม้า ไปจนถึงการฟอกเงินผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์และคริปโทเคอร์เรนซี ทำให้สามารถก่อเหตุขนาดใหญ่ได้พร้อมกัน โดยแทบไม่ใช้ความรุนแรง และยิ่งซับซ้อนขึ้นจากการนำปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI มาใช้

ชี้ทางออก ต้องเปลี่ยนสู่การป้องกันเชิงรุกครบวงจร

รศ.นวลน้อย เสนอว่า การรับมือจำเป็นต้องเปลี่ยนจากการแก้ปัญหาปลายเหตุ ไปสู่การป้องกันเชิงรุกอย่างเป็นระบบ โดยต้องดำเนินควบคู่ 3 ด้าน ได้แก่ การเยียวยาด้านจิตใจด้วยความเข้าใจจากครอบครัวและหน่วยงานรัฐ การทำงานเชิงรุกแบบบูรณาการของภาครัฐพร้อมยกระดับการบังคับใช้กฎหมาย และการใช้ AI วิเคราะห์ความเสี่ยง เช่น การพัฒนาระบบตรวจจับธุรกรรมผิดปกติและบัญชีม้า รวมถึงการสื่อสารข้อมูลที่เจาะจงกลุ่มเป้าหมายผ่านแพลตฟอร์มกลาง

นักวิชาการเห็นตรงกันว่า หากยังคงรับมือแบบแยกส่วนและเน้นแก้ไขหลังเกิดเหตุ ความสูญเสียจากอาชญากรรมออนไลน์จะยิ่งขยายตัว การสร้างระบบนิเวศดิจิทัลที่ปลอดภัยจึงต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วนอย่างจริงจังในระยะยาว

ข่าวที่เกี่ยวข้อง