รีเซต

บัตรประชาชน 7 ใบ! หนุ่มร้านกาแฟพบตำรวจ ถูกปลอมบัตรไปก่อคดีเพียบ

บัตรประชาชน 7 ใบ! หนุ่มร้านกาแฟพบตำรวจ ถูกปลอมบัตรไปก่อคดีเพียบ
TNN ช่อง16
9 มีนาคม 2566 ( 20:00 )
143

หนุ่มเจ้าของร้านกาแฟ มีบัตรประชาชน 7 ใบ เดินทางเข้าพบจนท.เพื่อยืนยันความบริสุทธิ์ใจ ยันถูกสวมบัตรไปก่อคดีอื้อ


ความคืบหน้า กรณี อธิบดีกรมการปกครอง เปิดเผยข้อมูลว่า มีการตรวจพบว่าการปลอมแปลงบัตรประจำตัวประชาชนของชายหนุ่มรายหนึ่ง ที่มีภูมิลำเนาอยู่ที่ตำบลลลาดหญ้า อำเภอเมือง จังหวัดกาญจนบุรี นำไปใช้ในชื่อต่างๆมากถึง 7 ใบ ในโลกออนไลน์ พร้อมทั้งได้มีการสั่งการให้มีการตรวจสอบข้อเท็จจริงว่าเหตุใด จึงมีบัตรประจำตัวประชาชนปลอมของชายหนุ่มคนดังกล่าวไปใช้ในการหลอกลวงประชาชนในการซื้อขายผ่านทางเฟซบุ๊กได้นั้น


ผู้สื่อข่าวได้ติดต่อไปยังนายภาคิน อายุ 33 ปี หนุ่มเจ้าของร้านกาแฟที่เป็นผู้ถูกนำบัตรประจำตัวประชาชนไปปลอมแปลง โดยยืนยันกับผู้สื่อข่าวว่า ตนเองไม่ได้เป็นคนปลอมแปลงบัตรประชาชนทั้ง 7 ใบ แต่เชื่อว่าน่าจะมีมิจฉาชีพนำบัตรประชาชนของตนเองไปปลอมแปลงแล้วนำไปใช้ในการหลอกลวงประชาชนมากกว่า


 โดยเมื่อช่วงบ่ายที่ผ่านมา นายภาคินได้เดินทางมายังสถานีตำรวจภูธรลาดหญ้า เพื่อเข้าพบกับเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ พร้อมให้ข้อมูลกับผู้อำนวยการส่วนป้องกันและปราบปรามการทุจริต การทะเบียนและบัตรประจำตัวประชาชน สำนักทะเบียนกลาง กรมการปกครอง ที่ได้ลงพื้นที่มาสอบถามข้อมูลจากนายภาคินด้วยตนเอง


หลังจากเข้าให้ข้อมูลเสร็จเรียบร้อย นายภาคิน ได้เปิดใจกับผู้สื่อข่าวว่า ตนเองได้ทราบว่า มีการนำบัตรประชาชนของตนเองไปปลอมแปลงเพื่อใช้หลอกลวงประชาชนครั้งแรก เมื่อช่วงเดือนกันยายน 2565 โดยนำไปใช้หลอกโอนเงินมัดจำซื้อขายรถจักรยานยนต์ในเพจซื้อขายรถมือสองแห่งหนึ่ง โดยมิจฉาชีพได้ใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์ เปลี่ยนแปลงชื่อ นามสกุลบนบัตรของตนเองแล้วนำไปใช้เป็นหลักฐาน ส่งให้กับผู้ที่หลงเชื่อโอนเงินมัดจำมาให้แล้วเบี้ยวไม่ยอมส่งมอบรถ 


จนผู้เสียหายไปแจ้งความและมีการตรวจสอบเลขประจำตัวบนบัตรประชาชนใบดังกล่าว พบว่าเป็นบัตรของตน ตนจึงได้ไปแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจว่าตนถูกปลอมแปลงเอกสารบัตรประชาชน ซึ่งหลังจากแจ้งความเรียบร้อย ตนก็คิดว่าทุกอย่างจะจบ มิจฉาชีพที่นำบัตรของตนไปใช้คงจะหยุดก่อเหตุและเลิกใช้บัตรประชาชนของตน แต่กลายเป็นว่า มิจฉาชีพรายดังกล่าว ยังคงนำเอาบัตรประชาชนของตนไปใช้ โดยใช้การเปลี่ยนแปลงชื่อ นามสกุล สลับเลขประจำตัวบนบัตรไปมา แต่ยังคงใช้รูปและใช้ที่อยู่ของตนในการก่อเหตุเรื่อยมา


ทำให้จนถึงตอนนี้ตนเองถูกออกหมายเรียกในคดีหลอกลวงลักษณะเดียวกันนี้ถึง 12 คดี และยังมีคดีที่ผู้เสียหายไม่ได้แจ้งความ แต่เข้ามาติดต่อหาตนโดยตรงเพราะคิดว่าตนเองเป็นมิจฉาชีพอีกนับสิบราย ซึ่งตนก็ได้แสดงความบริสุทธิ์ใจให้ตรวจสอบเลขบัญชีที่โอนเงินว่าไม่ได้เป็นของตนและตนไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องแต่อย่างใด


ส่วนสาเหตุที่มิจฉาชีพรายนี้ สามารถนำบัตรประจำตัวประชาชนของตนไปปลอมแปลงได้นั้น น่าจะเป็นเพราะเมื่อปีที่แล้ว ตนเองได้ไปสมัครแอปเงินกู้ออนไลน์แอปหนึ่ง ซึ่งทางแอปต้องให้ส่งรูปถ่ายบัตรประชาชน พร้อมถ่ายรูปของตนร่วมกับบัตรประชาชนเพื่อเป็นการยืนยันตัวตนสมัครใช้แอป ซึ่งตนก็ได้ส่งไปให้ตามที่ขอพร้อมเสียค่าธรรมเนียมอีก 500 บาท เพื่อทำเรื่องขอกู้เงินห้าหมื่นบาท แต่สุดท้ายเงินกู้ก็ไม่ได้รับอนุมัติ ตนต้องถูกหลอกเสียเงินฟรีไป 500 บาท 


แถมยังถูกนำบัตรประชาชนไปปลอมแปลงก่อคดีอีกนับสิบคดี และยังต้องกลายเป็นคนที่ถูกผู้คนในสังคมเข้าใจว่าเป็นมิจฉาชีพไปด้วย ตนจึงอยากฝากถึงคนที่จะตัดสินใจสมัครแอปเงินกู้ออนไลน์ หรือสมัครบริการต่างๆที่ต้องใช้บัตรประชาชนในการสมัครและยืนยันตัวตนว่า ควรตรวจสอบข้อมูลของแอปให้ชัดเจนว่าเป็นแอปมิจฉาชีพหรือไม่ เพราะอาจจะถูกหลอกเหมือนตน ที่ต้องเสียเงินและยังต้องมากลายเป็นผู้ต้องสงสัยกระทำผิดหลอกลวงประชาชนไปด้วย


ขณะที่ นายเอกอนันต์ ศรีอินทร์ ผู้อำนวยการส่วนป้องกันและปราบปราม การทุจริตการทะเบียนและบัตรประจำตัวประชาชน สำนักทะเบียนกลางกรมการปกครอง ซึ่งได้ลงมาสอบข้อมูลจากนายภาคินด้วยตนเองได้กล่าวว่า ในการลงมาสอบข้อมูลจากนายภาคินวันนี้ ทำให้ทราบข้อมูลที่เป็นประโยชน์อย่างมาก เพื่อจะนำไปใช้ในการติดตามหาตัวของผู้ที่นำเอาบัตรของนายภาคินไปปลอมแปลง และนำมาใช้หลอกลวงประชาชน 


ซึ่งจากข้อมูลที่นายภาคินให้มา เชื่อว่ามิจฉาชีพน่าจะได้รูปถ่ายพร้อมข้อมูลบัตรประชาชนของนายภาคินไปแอปสมัครกู้เงินออนไลน์ ก่อนจะนำรูปบัตรประชาชนใบดังกล่าวไปดัดแปลงผ่านโปรแกรมคอมพิวเตอร์แ ละนำไปก่อเหตุดังกล่าว ซึ่งหลังจากนี้ก็จะได้มีการสอบสวนหาตัวของผู้กระทำผิดมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป




ภาพจาก ผู้สื่อข่าวกาญจนบุรี


ข่าวที่เกี่ยวข้อง