เมย์แบงก์ มองเหตุการณ์น้ำท่วมแรงส่งธปท.ลดดอกเบี้ย-ชูหุ้นรับผลบวก

#ทันหุ้น-บล.เมย์แบงก์(ประเทศไทย) มองว่าผลกระทบต่อกำไรบริษัทจากเหตุการณ์น้ำท่วมรุนแรงในพื้นที่ภาคใต้ตอนล่างมีจำกัด ส่วนใหญ่บริษัทมีการดำเนินงานในพื้นที่ไม่มาก และผู้ที่มีความเกี่ยวข้องโดยตรงก็น่าจะได้รับผลกระทบต่อกำไรเพียงราว 1–3% เท่านั้น เมื่อสถานการณ์น้ำเริ่มลดลง โดยมองว่าความสนใจควรเปลี่ยนไปสู่ประเด็นหลังน้ำท่วมแทน ประเด็นแรก มองว่าผลกระทบทางเศรษฐกิจจากน้ำท่วมครั้งนี้อาจเป็นแรงผลักดันเพิ่มเติมให้ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ปรับลดดอกเบี้ยนโยบายในการประชุมเดือนธันวาคม
แม้ไม่นับผลกระทบจากเหตุการณ์น้ำท่วม ฝ่ายวิจัยก็คาดว่าจีดีพีของไทยจะเติบโตเพียง 1.3% ในไตรมาส 4/68 อยู่แล้ว ขณะที่น้ำท่วมอาจกดดันเพิ่มเติมอีกประมาณ 0.47pt ต่อประมาณการไตรมาส 4/68 และเมื่อการเติบโตทางเศรษฐกิจมีแนวโน้มชะลอตัวต่ำกว่า 2% ยาวต่อเนื่องถึงไตรมาส 2/69 จึงคาดว่าธปท.จะลดดอกเบี้ยในการประชุมเดือนธันวาคม มองว่าความเสี่ยงต่อการเติบโตจากน้ำท่วมครั้งนี้เป็นอีกปัจจัยสนับสนุนการลดดอกเบี้ย และยังคาดว่าจะมีการลดดอกเบี้ยอีกครั้งในช่วงต้นปี 2569
ประเด็นที่สองพรรคภูมิใจไทยและนายกรัฐมนตรีอนุทินอาจต้องรับมือกับกระแสความไม่พอใจจากสาธารณชนต่อการจัดการสถานการณ์น้ำท่วม ซึ่งอาจทำให้เขาต้องพิจารณาเลื่อนวันเลือกตั้งออกไปเพื่อฟื้นฟูความนิยม
**หุ้นรับผลบวก
ฝ่ายวิจัยเมย์แบงก์ มองว่ามีสองกลุ่มที่น่าจะได้รับประโยชน์จากการฟื้นฟูหลังน้ำท่วม ได้แก่
1) กลุ่มสินค้าปรับปรุงบ้าน ซึ่งจะได้รับแรงหนุนจากความต้องการซ่อมแซมและตกแต่งบ้าน ฝ่ายวิจัยชอบ HMPRO และ GLOBAL ขณะที่บริษัทที่น่าสนใจน้อยกว่า คือ DOHOME เนื่องจากราคาหุ้นแพงที่สุดในกลุ่มและมีสาขาน้อยที่สุดในภาคใต้
2) กลุ่มวัสดุก่อสร้าง เช่น SCCC และ TASCO ที่อาจได้รับประโยชน์จากความต้องการซ่อมแซมและสร้างใหม่หลังน้ำท่วม รวมถึงเม็ดเงินลงทุนโครงสร้างพื้นฐานของภาครัฐเพื่อป้องกันความเสียหายในอนาคต
Tag
ยอดนิยมในตอนนี้
