นักวิเคราะห์ชี้ อีลอน มัสก์เข้ากุมบังเหียน Twitter ไม่ง่าย
สำหรับอีลอน มัสก์ ที่ขึ้นชื่อว่าเป็นบุคคลที่รวยที่สุดในโลกตอนนี้ ล่าสุดถึงแม้จะได้เข้ากุมบังเหียนทวิตเตอร์ (Twitter) แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียชื่อดังเป็นที่เรียบร้อย แต่ก็มีเสียงจากนักวิเคราะห์ที่มองว่า ต่อจากนี้อาจจะเป็นช่วงเวลาที่ไม่ง่ายนักสำหรับอีลอน
โดย ดาเนียล ไอเวส (Daniel Ives) ผู้อำนวยการบริหารเวดบุช ซีเคียวริตีส์ (Wedbush Securities) บริษัทวาณิชธนกิจจากสหรัฐฯ มองว่า อีลอน มัสก์ กับทวิตเตอร์เป็นเหมือนขั้วตรงข้ามกันอย่างสิ้นเชิง โดยมัสก์จะต้องไล่พนักงานทวิตเตอร์ออกเป็นจำนวนมาก ก่อนจะสามารถดำเนินการต่อไปได้
และขั้นต่อไปนักวิเคราะห์มองว่า มัสก์ อาจจะพยายามทำให้ทวิตเตอร์กลายเป็น “ซูเปอร์แอพ” (Super App) ที่สามารถจ่ายเงินซื้อสินค้า หรือเรียกรถรับส่งได้ หรือเพิ่มการใช้งานในแอปฯ ให้หลากหลาย คล้ายกับ WeChat ในจีน ซึ่งเป็นเป้าหมายเชิงกลยุทธ์ขั้นสูงสุดในการซื้อทวิตเตอร์นั่นเอง
สำหรับเหตุการณ์ที่ผ่านมา เบื้องต้น มัสก์ได้ไล่ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และประธานเจ้าหน้าที่การเงินของทวิตเตอร์ รวมถึงประธานฝ่ายกฎหมายและนโยบายออกไปเป็นที่เรียบร้อย และคาดว่าพนักงานฝ่ายความเชื่อมั่น และความปลอดภัย ซึ่งรวมถึงผู้ควบคุมด้านเนื้อหา (Content Moderators) ก็อาจตกอยู่ในกลุ่มตำแหน่งที่จะถูกปลดออกอีกเช่นกัน
ก่อนหน้านี้ อีลอน มัสก์ เผยว่าเขาเป็นผู้ที่เชื่อมั่นอย่างแรงกล้าในเสรีภาพของการแสดงความคิดเห็น และเขายังต้องการปกป้องแพลตฟอร์มทวิตเตอร์จากภาวะ “เสียงสะท้อน” (Echo Chamber) หรือทฤษฎีที่ผู้คนจำนวนมากมีความคิดเห็นไปในทิศทางเดียวกันหมด และเกิดความเชื่อมั่นว่าเป็นความเชื่อที่ถูกต้องโดยขาดวิจารณญาณ โดยเขาไม่ต้องการให้ทวิตเตอร์เป็นบ่อเกิดแห่งความเกลียดชัง และการแบ่งแยกอีกด้วย
อย่างไรก็ตาม ในวันศุกร์ที่ผ่านมา บัญชีทวิตเตอร์ของคานเย เวสต์ เซเลบริตีชาวสหรัฐฯ ที่ล่าสุดมีประเด็นอื้อฉาวเรื่องโพสต์ข้อความในเชิงเหยียดชังเชื้อชาติจนโดนแบนไปก่อนหน้านี้ ก็ถูกกู้คืนกลับมาแล้ว โดยมัสก์อ้างว่า บัญชีดังกล่าวถูกกู้คืนก่อนเขาจะเข้ามากุมบังเหียนทวิตเตอร์ ทั้งนี้ มัสก์ยังจะปลดแบนบัญชีของโดนัลด์ ทรัมป์ อดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ ผู้ถูกแบนไปก่อนหน้านี้ในข้อหาปลุกระดมให้เกิดความรุนแรงที่รัฐสภาของสหรัฐฯ อีกด้วย ซึ่งทรัมป์เอง เผยว่า เขามีความสุขที่ทวิตเตอร์กลับมาอยู่ในมือ “คนปกติ” เสียที แต่ก็ยังไม่ได้ระบุว่าจะกลับมาเคลื่อนไหวในทวิตเตอร์หรือไม่
ที่มาของข้อมูล reuters.com
ที่มาของรูปภาพ Reuters