รีเซต

"H&M" จ่อขึ้นราคาหลังต้นทุนพุ่ง พร้อมจับตา "ภาษีทรัมป์" l การตลาดเงินล้าน

"H&M" จ่อขึ้นราคาหลังต้นทุนพุ่ง พร้อมจับตา "ภาษีทรัมป์" l การตลาดเงินล้าน
TNN ช่อง16
30 มิถุนายน 2568 ( 11:33 )
8

cnbc รายงานว่า บริษัท H&M ผู้ค้าปลีกเสื้อผ้าอันดับสองของโลกจากประเทศสวีเดน เปิดเผยว่า ยอดขายในช่วงต้นฤดูร้อนเริ่มฟื้นตัว โดยคาดว่ายอดขายในเดือนมิถุนายนจะเพิ่มขึ้น ร้อยละ 3 เมื่อเทียบรายปีในสกุลเงินท้องถิ่น หลังต้นปีเติบโตที่ค่อนข้างชะลอตัว

ถึงแม้จะมียอดขายดีขึ้น แต่ H&M ยังคงระมัดระวังเกี่ยวกับพฤติกรรมผู้บริโภคในช่วงเวลาที่เศรษฐกิจไม่แน่นอน โดยระบุว่าผู้บริโภคยังคงไวต่อการเปลี่ยนแปลงของราคาเป็นอย่างมาก

ในประเด็นเรื่องภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ แม้บริษัทจะยังไม่ให้รายละเอียดเชิงลึก แต่ระบุว่ากำลังติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และอยู่ระหว่างการพิจารณาปรับราคาสินค้าเพื่อชดเชยต้นทุนที่เพิ่มขึ้น

นายแดเนียล เออร์เวอร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ H&M กล่าวในการประชุมนักลงทุนว่า เริ่มเห็นคู่แข่งบางรายปรับราคาสินค้าสูงขึ้น ซึ่งบริษัทเองก็กำลังพิจารณาแนวทางเดียวกันเพื่อรักษาความสามารถในการแข่งขันในตลาดสหรัฐฯ นับเป็นตลาดใหญ่อันดับสองของ H&M และบริษัทมีการพึ่งพาฐานการผลิตในเอเชียเป็นหลัก โดยเฉพาะในจีนและบังกลาเทศ ซึ่งการเปลี่ยนแปลงด้านภาษีอาจส่งผลต่อโครงสร้างต้นทุนของบริษัทในอนาคต โดยคาดว่าผลกระทบจะชัดเจนมากขึ้นในเดือนกรกฎาคม หลังมาตรการเว้นการเก็บภาษี 90 วันหมดอายุ

H&M ย้ำว่า บริษัทมีความยืดหยุ่นในห่วงโซ่อุปทาน และสามารถปรับการตั้งราคาสินค้าให้เหมาะสมกับสถานการณ์ใหม่ เพื่อให้สามารถแข่งขันในตลาดได้ต่อไป

อย่างไรก็ตาม ในไตรมาสการเงินล่าสุด (สิ้นสุดวันที่ 31 พฤษภาคม) H&M รายงานยอดขายรวมที่ 56.71 พันล้านโครนาสวีเดน (56,710 ล้านโครนาสวีเดน) ประมาณ 5.99 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ((5,990 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) ลดลงเล็กน้อยจากปีก่อนหน้า และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้เล็กน้อย แม้ในสกุลเงินท้องถิ่นยอดขายจะเพิ่มขึ้นร้อยละ 1 กำไรจากการดำเนินงานอยู่ที่ 5.9 พันล้านโครนา ใกล้เคียงกับที่นักวิเคราะห์ประเมินไว้ แต่ก็ลดลงจากปีก่อน โดยบริษัทระบุว่าสาเหตุหลักมาจากต้นทุนซื้อสินค้าที่สูงขึ้น ซึ่งเกิดจากการแข็งค่าของดอลลาร์สหรัฐฯ และค่าขนส่งที่เพิ่มขึ้น

ด้านกลยุทธ์ระยะยาว H&M เตรียมปิดร้านค้า 200 แห่งในปี 2025 โดยส่วนใหญ่เป็นร้านในตลาดที่พัฒนาแล้ว และจะเปิดสาขาใหม่อีก 80 แห่งในตลาดเกิดใหม่ที่มีศักยภาพ

แม้จะเผชิญการแข่งขันอย่างหนักจากคู่แข่งสำคัญอย่าง Zara ซึ่งเป็นแบรนด์ในเครือ Inditex รวมถึงผู้ค้าปลีกออนไลน์ต้นทุนต่ำอย่าง Shein และ Temu แต่ H&M ยังคงเดินหน้าปรับตัวและมองหาช่องทางเติบโตใหม่ ๆ ในช่วงครึ่งหลังของปี

ทั้งนี้ สถานการณ์ภาษีในสหรัฐฯ และความไม่มั่นใจของผู้บริโภคยังคงเป็นปัจจัยที่ถ่วงภาคค้าปลีกในวงกว้าง โดยข้อมูลล่าสุดจากสำนักกฎหมาย Weil, Gotshal & Manges LLP ระบุว่า ภาคค้าปลีกและสินค้าอุปโภคบริโภคในยุโรปเป็นกลุ่มธุรกิจที่มีความเสี่ยงมากที่สุด จากภาวะต้นทุนสูง ความต้องการซื้อลดลง และเงื่อนไขสินเชื่อที่เข้มงวด 

ยอดนิยมในตอนนี้

แท็กยอดนิยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง