เปิดมุมมอง 3 โบรกฯ ส่องกลยุทธ์ลงทุน พร้อมเสิร์ฟหุ้นเด่นวันนี้
#SET #ทันหุ้น - บล.ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) มองแนวโน้มตลาดวันนี้ คาด SET Index จะยังแกว่งตัว Sideways ในกรอบ 1,668-1,680 จุด โดยกลุ่มพลังงานต้นน้ำและโรงกลั่นคาดว่ายังพยุงตลาดได้ตามราคาน้ำมันดิบที่พุ่งขึ้นหลัง EU กำลังพิจารณาเข้าร่วมสหรัฐฯ ในการคว่ำบาตรการใช้น้ำมันจากรัสเซีย ขณะที่ประธาน FED แสดงความกังวลต่อเงินเฟ้อที่ยังสูงเกินไป พร้อมระบุว่า FED พร้อมขึ้นดอกเบี้ย 0.5% หากจำเป็นเพื่อสกัดเงินเฟ้อ ทำให้ Bond Yield พุ่งขึ้นต่อเนื่องและเป็นปัจจัยกดดันตลาดหุ้น
อย่างไรก็ตามสถานการณ์ปัจจุบันยังคงสอดคล้องกับกลยุทธ์ของเราที่เน้นหุ้น Value และ Domestic Play ซึ่งทนทานต่อภาวะเงินเฟ้อและนโยบายการเงินของ FED ที่ตึงตัวได้แข็งแกร่ง รวมถึงได้อานิสงส์จากการทยอยฟื้นตัวของเศรษฐกิจในประเทศตามการผ่อนคลายมาตรการ กลุ่มที่เราชอบยังคงเป็น ธนาคาร ค้าปลีก อสังหาฯ อาหารและเครื่องดื่ม การแพทย์ เป็นต้น
กลยุทธ์ : เน้นลงทุนในกลุ่ม Value และ Domestic Play ที่กระทบจากปัจจัยต่างประเทศจำกัดและได้อานิสงส์จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในประเทศ
หุ้นเด่นเดือนมี.ค. : BDMS, CPALL, OSP, PJW, TOP
หุ้นเด่นวันนี้ : PJW
• แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 6 บาท
• เราคาดแนวโน้มการเติบโตปี 2022 ยังสดใสทั้งธุรกิจบรรจุภัณฑ์พลาสติกที่ฟื้นตัว รวมถึงจะเห็นพัฒนาการที่ชัดเจนขึ้นในการ Diversify ไปยังพลาสติกทางการแพทย์ซึ่งแนวโน้มเติบโตดีระยะยาวและมี Margin สูง
• นอกจากนี้เราคาดว่า PJW มีศักยภาพและเตรียมรุกตลาดชิ้นส่วนพลาสติกสำหรับ EVs ในเร็วๆนี้ เป็นบวกต่อการเติบโตระยะยาวและชดเชยการชะลอตัวของบรรจุภัณฑ์น้ำมันหล่อลื่นได้ เราคาดกำไรปี 2022-2024 +15% CAGR
• แนวรับ 4.64-4.60 บาท แนวต้าน 5//5.20 บาท
**บล.คิงส์ฟอร์ด จำกัด ประเมินดัชนี SET เคลื่อนไหวกรอบแนวรับ 1,660 – 1,670 แนวต้าน 1,680 – 1,685 คาดถูกแรงขายปรับพอร์ตกลุ่มธนาคาร แต่ยังได้แรงหนุนจากกลุ่มพลังงานช่วยหนุน และรอประเมินทิศทาง Fund Flow ต่างชาติ แนะนำเก็งกำไรระยะสั้น OSP,CBG,TH,SMD,MEGA
FSMART* (ซื้อเก็งกำไร / ราคาเป้าหมาย IAA Consensus N.A. บาท) แนวโน้มผลประกอบการกลับมาเติบโตในปี 65 โดยมี Key Driver จากธุรกิจใหม่ตู้กดเครื่องดื่มชงสดเต่าบิน ซึ่งบริษัทตั้งเป้าติดตั้งให้ได้ 1,000 ตู้ ในปีนี้และ 20,000 ตู้ภายใน 3 ปี สร้างรายได้แตะ 1 หมื่นล้านบาท (FSMART ถือหุ้นในสัดส่วน 19.34%) ขณะที่ธุรกิจเดิมแนวโน้มรายได้ทรงตัวในระดับ 2.7-2.8 พันล้านบาทต่อปี โดยสัดส่วนรายได้จากบริการเติมเงินมือถือจะทยอยลดลง แต่จะชดเชยด้วยการปรับมาให้บริการทางการเงินในฐานะตัวแทนของธนาคาร สามารถให้บริการโอน-ฝาก รวมถึง Mini ATM ที่เริ่มให้บริการถอนเงินผ่านตู้บุญเติม ซึ่งปกติธุรกรรมการถอนเงินสดจะมากกว่าฝากหลายเท่า ตั้งเป้าภายใน 2 ปีข้างหน้า 10,000 ตู้
SINGER* (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย IAA Consensus 58.75 บาท) ประสบความสำเร็จในการขยายสาขาผ่านเฟรนไชน์อย่างต่อเนื่อง โดยมีเป้าสาขาเฟรนไชน์อยู่ที่ 7,000 สาขาในปีนี้ (จาก 3,250 ในปี64) ธุรกิจพอร์ตสินเชื่อยังคงเติบโตได้ดีโดยเฉพาะธุรกิจสินเชื่อจำนำทะเบียนรถทำเงิน (C4C) ซึ่งใน 4Q64 ที่ผ่านมาสามารถขึ้นไปแตะที่ระดับ 6 พันลบ. โดยทางบ.ตั้งเป้าปีนี้พอร์ตรวม (C4C+HP+Captive)จะสามารถเติบโตอยู่ที่ระดับ 1.55 หมื่นล้านบาท (จาก 4Q64 อยู่ที่ราว 1.1 หมื่นล้านบาท) นอกจากนี้ทางบ.เองยังมีปัจจัยบวกจากการร่วมมือกับพันธมิตร อย่างเช่น การ ร่วมทุนกับ GUNKUL JMART เปิด JGS เพื่อจำหน่ายสินค้าที่เกี่ยวข้องกับพลังงานทดแทนให้กับกลุ่มรายย่อย/ครัวเรือน โดยสินค้าแรกที่จำหน่ายคือ Solar Rooftop Solutions และ Private PPA เป็นต้น ทั้งนี้ตลาดคาด EPS ปี65 และ ปี66 จะขยายตัวได้ต่อเนื่องมาอยู่ที่ 1.48 บาท/หุ้น, และ 2.08 บาท/หุ้น ตามลำดับ
**บล.เคทีบีเอสที จำกัด (มหาชน) ประเมินดัชนีฯ มีโอกาสปรับตัวลง ตลาดอ่อนไหวกับคำพูดของ Powell ราคาน้ำมันปรับตัวขึ้นต่อ และการเจรจายูเครน-รัสเซีย ไม่คืบหน้า ทั้งนี้ คืนที่ผ่านมา นาย Jerome Powell (ประธาน Fed) แสดงความเห็นในการเร่งขึ้นดอกเบี้ย ในการประชุมครั้งหน้า คือ พ.ค. ที่ 0.50% ทำให้ตลาดเซอร์ไพรส์กับคำพูดของ Powell มองว่าการเร่งขึ้นดอกเบี้ยเร็วจะกระทบตลาดหุ้น จากนี้ไปให้จับตาดูการออกมาแสดงความเห็นของคณะกรรมการ Fed ท่านอื่นที่จะมีผลกับตลาด
EU เตรียมการ Sanction รัสเซีย ทำให้ราคาน้ำมันปรับตัวสูงขึ้น (เช้านี้ brent $118 เหรียญ) เรื่องนี้จะเป็นนับประเด็นสำคัญในตลาดวันนี้ ดีต่อ PTTEP แต่ลบต่อหุ้นส่วนใหญ่ของตลาด
4 ธนาคารไทย ถูกลดอันดับเครดิตลง 1 ขั้น SCB, KBANK จาก BBB+ เป็น BBB และ KTB, TTB จาก BBB เป็น BBB- ขณะที่ BBL และ BAY ไม่ถูกปรับลดเครดิตลง เรามองเป็นข่าวลบต่อหุ้นธนาคารทั้ง 4 ตัว สะท้อนให้เห็นถึงปัญหาหนี้ ที่ยังอยู่ในระดับสูง
การเมืองไทยเริ่มกดดันตลาด พรรคเพื่อไทยเริ่มมีการเช็คเสียงของพรรคตัวเอง เรามองว่าหากการยุบสภาเกิดขึ้นก่อนกำหนด จะมีผล(ลบ) ที่กดดันตลาดหุ้นไทย
หุ้นขึ้น XD วันนี้ ได้แก่ FSS(@0.10), THG(@0.50), TMILL(@0.13), TSTE(@0.14), FN(@0.0037)
ตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญวันนี้ คือ ตัวเลขดัชนีการผลิตของสหรัฐฯStrategy
ตลาดหุ้นวันนี้ ถูกกระทบจาก สถานการณ์ยูเครนที่ยังไม่นิ่ง Fed เร่งขึ้นดอกเบี้ย และที่สำคัญ คือ 4 ธนาคารไทย ถูก downgrade จะกระทบตลาดโดยรวม โดยรวมๆ เราแนะนำชะลอการลงทุนไปก่อน
หุ้นที่มีข่าวเชิงบวก ที่อาจสวนกระแสตลาดได้ จะเป็นเรื่อง รถEV (EA, NEX) กกพ. เตรียมปรับค่าไฟฐาน (GPSC, BGRIM) โรงพยาบาลได้ประโยชน์จากคนเข้ารักษา Covid-19 (BCH, CHG)
พอร์ตหุ้นวันนี้ เรานำหุ้นออกจากพอร์ต 2 ตัว คือ KBANK, KCE และเพิ่มหุ้น BCH, NEX* เข้ามาแทน หุ้นในพอร์ตประกอบไปด้วย BCH(10%), NEX*(10%), SYNEX(15%),AMATA(10%), CBG(20%), BGRIM(10%)
Strategy Stock Pick
NEX*: (เป้าเชิงกลยุทธ์ 19.50 บาท) “EV Ecosystem พร้อมขยายหลังสรรพสามิตไฟเขียวรถนำเข้า”
- คาดหุ้นสาย EV แท้จะตอบรับเชิงบวกจากข่าวกรรมสรรพสามิต เห็นชอบนโยบายภาษีรถไฟฟ้านำเข้าจาก GWM-MG ช่วยขยาย Eco-System รถ EV
- EA-NEX นำตลาด EV ไทย สำหรับปี 22 คาดทำตลาดรถ EV-Mini bus รุ่น 20-27 ที่นั่ง เน้นให้บริการในเมือง-นิคม ประเมินรถรุ่นนี้มีโอกาสขายดีเพราะราคาแข่งขันกับรถดั้งเดิมได้
- Bloomberg Consensus ประเมินกำไรสุทธิปี 2022-2023 ที่ 1.6 พัน ลบ. และ 2.3 พัน ลบ. พลิกจากขาดทุนในปี 2021 และโต 40%YoY ในปี 2023 ตามลำดับ
Technical : SEAOIL, MONO