ไทยก้าวใหม่ชูเงินกู้ 2 หมื่นบาท บัตรใบเดียว ปลดหนี้ผู้สูงวัย รีเซ็ตเศรษฐกิจฐานราก

ศาสตราจารย์ ดร. สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ หัวหน้าพรรคไทยก้าวใหม่ และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์กับ TNN ภายใต้แคมเปญเลือกตั้ง 2569 “รีเซ็ตประเทศไทย” โดยตั้งคำถามกับการเมืองแบบเดิมที่ดำเนินมาหลายทศวรรษ แต่ชีวิตประชาชนยังติดอยู่กับความยากจนและความไม่มั่นคงทางเศรษฐกิจ พร้อมย้ำว่าประเทศไทยมาถึงจุดที่ประชาชนไม่อาจทนกับโครงสร้างเดิมได้อีกต่อไป

สุชัชวีร์กล่าวว่า จากการลงพื้นที่พบประชาชนจำนวนมากมีรายได้เพียงหลักพันบาทต่อเดือน ปัญหานี้ไม่ได้เกิดจากความไม่ขยัน แต่เกิดจากการขาดโอกาส ความเหลื่อมล้ำ และระบบที่เอื้อให้บางกลุ่มได้เปรียบ ขณะที่คนส่วนใหญ่ติดอยู่ในวงจรจนซ้ำซากข้ามรุ่น เมื่อเกิดวิกฤต ไม่ว่าจะเป็นเศรษฐกิจหรือภัยพิบัติ ชีวิตของประชาชนกลุ่มเปราะบางยิ่งสั่นคลอนหนักขึ้น

ภายใต้บริบทดังกล่าว พรรคไทยก้าวใหม่เสนอ “กองทุนประชาชน” ที่ให้ประชาชนใช้บัตรประชาชนเพียงใบเดียว เข้าถึงเงินกู้จำนวน 20,000 บาท ได้ทันที ด้วยอัตราดอกเบี้ยต่ำและขั้นตอนที่เรียบง่าย สุชัชวีร์ระบุว่า วันนี้หลายครอบครัวไม่มีเงินหมุนเวียนจริง ๆ เงินกู้ก้อนเล็กที่เข้าถึงเร็วจะช่วยประคองชีวิต ลดการพึ่งพาหนี้นอกระบบ และเปิดพื้นที่ให้ประชาชนตั้งหลักได้ในยามจำเป็น

นโยบายเงินกู้ดังกล่าวเชื่อมโยงกับอีกปัญหาที่พรรคให้ความสำคัญ คือภาระหนี้ของผู้สูงอายุ สุชัชวีร์ชี้ว่า ผู้สูงวัยจำนวนมากหมดกำลังในการหารายได้ แต่ยังต้องแบกรับหนี้สินจากระบบเดิม แนวคิดปลดหนี้คนชรามุ่งลดภาระทางการเงินและคืนความมั่นคงให้ชีวิตบั้นปลาย เพื่อให้ผู้สูงอายุสามารถดำรงชีวิตอย่างมีศักดิ์ศรี ไม่ต้องใช้ชีวิตภายใต้ความกังวลเรื่องหนี้จนถึงวันสุดท้าย

หัวหน้าพรรคไทยก้าวใหม่มองว่า การแก้ปัญหาปากท้องต้องเดินควบคู่กับการยกระดับการศึกษา พรรคจึงวางนโยบายดูแลตั้งแต่โภชนาการเด็ก อาหารเช้า 5 หมู่ การเรียนฟรีอย่างแท้จริงตั้งแต่อนุบาลถึงปริญญาตรี รวมถึงการเพิ่มทักษะให้แรงงานนอกระบบและแรงงานวัยทำงานกว่า 20 ล้านคน เพื่อให้ประชาชนรู้เส้นทางอาชีพและรายได้ล่วงหน้าในเศรษฐกิจยุคใหม่

สุชัชวีร์ย้ำว่า หากรัฐลงทุนกับคน แก้ปัญหาหนี้และสภาพคล่องอย่างเป็นระบบ พร้อมทำการเมืองที่ทำงานร่วมกันได้ ประเทศจะค่อย ๆ หลุดพ้นจากวงจรความขัดแย้งและความยากจนที่ฝังรากลึก แนวคิด “ไม่ทน ไม่จน” ของพรรคไทยก้าวใหม่จึงมุ่งเปลี่ยนคุณภาพชีวิตประชาชนจากฐานราก เพื่อวางอนาคตประเทศให้แข็งแรงในระยะยาว