รีเซต

ครม.ไฟเขียว ชาวซาอุฯ เข้าไทยไม่ต้องขอวีซ่า ‘บิ๊กตู่’ ตีปี๊บ เป็นความสำเร็จต่อยอด

ครม.ไฟเขียว ชาวซาอุฯ เข้าไทยไม่ต้องขอวีซ่า ‘บิ๊กตู่’ ตีปี๊บ เป็นความสำเร็จต่อยอด
มติชน
7 มิถุนายน 2565 ( 15:31 )
96
ครม.ไฟเขียว ชาวซาอุฯ เข้าไทยไม่ต้องขอวีซ่า ‘บิ๊กตู่’ ตีปี๊บ เป็นความสำเร็จต่อยอด

 

เมื่อเวลา 13.50 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม แถลงภายหลังเป็นประธานประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.)ว่า วันนี้ครม.อนุมัติให้ผู้ถือหนังสือเดินทางจากราชอาณาจักรซาอุดิอาระเบีย เข้ามาท่องเที่ยวในประเทศได้ 30 วัน โดยไม่ต้องขอวีซ่า ถือเป็นการต่อยอดจากผลสำเร็จที่ตนได้ฟื้นฟูความสัมพันธ์กับประเทศซาอุดิอาระเบียขึ้นมาอยู่ในระดับปกติ จนนำไปสู่การต่อยอดความร่วมมือ ทั้งการส่งออกเรื่องอาหาร แรงงาน การเปิดเที่ยวบินจากกรุงเทพ- ริยาด เมืองหลวงประเทศซาอุดิอาระเบีย ก็จะทำให้ชาวซาอุดิอาระเบียเดินทางมาท่องเที่ยวประเทศไทยเป็นจำนวนมาก จะได้มีโอกาสให้ประชาชนทั้งภาคส่งออก แรงงาน และท่องเที่ยวได้รับประโยชน์ นี่เป็นผลงานความสำเร็จของเราที่ช่วยกันทำมาทั้งภาครัฐและเอกชน เราต้องภูมิใจร่วมกันที่มีการร่วมมือจนมีความสำเร็จมาได้ถึงวันนี้

 

ต่อมาเวลา .ส.ไตรศุลี  ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลการประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) ว่า ครม.อนุมัติในหลักการการเพิ่มซาอุดีอาระเบียในรายชื่อประเทศที่ผู้ถือหนังสือเดินทางหรือเอกสารใช้แทนหนังสือเดินทางซึ่งเข้ามาในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราวเพื่อการท่องเที่ยวได้รับการยกเว้นการตรวจลงตรา และอยู่ในราชอาณาจักรไม่เกิน 30 วัน ทั้งนี้เป็นผลจากการที่นายกรัฐมนตรีได้เดินทางเยือนซาอุดีอาระเบียอย่างเป็นทางการและทั้งสองฝ่ายได้ประกาศปรับความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างกันให้กลับสู่ระดับปกติอย่างสมบูรณ์ ผลการหารือที่สำคัญด้านหนึ่งคือ การส่งเสริมการติดต่อระหว่างภาคประชาชน โดยจะทำให้มีชาวซาอุดีอาระเบียเดินทางมาท่องเที่ยวประเทศไทยมากขึ้น จากเดิมรัฐบาลซาอุดีอาระเบียจะอนุญาตให้ชาวซาอุดีอาระเบียเดินทางมายังประเทศไทยปีละประมาณ 30,000 คน เพิ่มขึ้นเป็นปีละ 100,000-150,000 คน

 

ทั้งนี้กระทรวงการต่างประเทศได้ประชุมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2565 ทุกหน่วยงานไม่มีข้อขัดข้องที่จะเพิ่มซาอุดีอาระเบียให้ได้รับสิทธิในเรื่องดังกล่าว เนื่องจากสอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลในการส่งเสริมการดึงดูดนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจภายหลังสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ซึ่งจะช่วยส่งเสริมการกระจายรายได้ไปยังภูมิภาคต่างๆและชาวซาอุดีอาระเบียยังเป็นนักท่องเที่ยวคุณภาพ มีการใช้จ่ายสูง และมักเดินทางเป็นครอบครัวขนาดใหญ่ คาดว่าจะสามารถสร้างรายได้ให้ประเทศไทยไม่ต่ำกว่า 5,000 ล้านบาทต่อปี

 

น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า ในปัจจุบันผู้ถือหนังสือเดินทางชาวซาอุดีอาระเบียสามารถขอรับการตรวจลงตรา ณ ช่องทางอนุญาตของด่านตรวจคนเข้าเมือง (Visa on Arrival : VoA) โดยพำนักในประเทศไทยได้ 15 วัน เสียค่าธรรมเนียมรายละ 2,000 บาท

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง