รีเซต

PR9 กำไร 208 ลบ. เพิ่มขึ้น 49% ปันผล 0.15 บ. ขึ้น XD 22 พ.ย.

PR9 กำไร 208 ลบ. เพิ่มขึ้น 49% ปันผล 0.15 บ. ขึ้น XD 22 พ.ย.
ทันหุ้น
11 พฤศจิกายน 2567 ( 12:05 )
1

 

#PR9 #ทันหุ้น - บริษัท โรงพยาบาลพระรามเก้า จำกัด (มหาชน) หรือ PR9 แจ้งผลการดำเนินงานไตรมาส 3/67 มีกำไรสุทธิ 208.03 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 0.26 บาท เพิ่มขึ้น 48.54% เทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 140.05 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 0.18 บาท

สำหรับงวด 9 เดือน 2567 มีกำไรสุทธิ 506.11 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 0.64 บาท เพิ่มขึ้น 36.85% เทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 369.82 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 0.47 บาท

 

ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทเมื่อวันที่ 8 พ.ย. มีมติอนุมัติจ่ายเงินปันผลสำหรับผลการดำเนินงานงวดวันที่ 1 ม.ค.-30 มิ.ย.2567 ในอัตราหุ้นละ 0.15 บาท ขึ้นเครื่องหมาย XD วันที่ 22 พ.ย. 2567 กำหนดรายชื่อผู้มีสิทธิได้รับปันผล 25 พ.ย.2567 จ่ายเงินปันผลวันที่ 6 ธ.ค.2567

 

บล.กสิกรไทยออกบทวิเคราะห์หลังจากบริษัทแจ้งผลการดำเนินงาน ระบุว่า กำไรไตรมาส 3/2567 ดีกว่าคาดและสูงสุดเป็นประวัติการณ์ PR9 รายงานกำไรปกติไตรมาส 3/2567 ที่ 208 ลบ. ดีกว่าที่เราและตลาดคาดไว้ 24% และ 19% ตามลำดับ จากรายได้และอัตรากำไรที่สูงกว่าคาด กำไรปกติเพิ่มขึ้น 53%QoQ และ 49% YoY หนุนจากรายได้และอัตรากำไรที่สูงขึ้น กำไรปกติ 9 เดือนแรกปีนี้อยู่ที่ 496 ลบ. เติบโตขึ้น 34% YoY และคิดเป็นสัดส่วนที่ 78% และ 75% ของประมาณการทั้งปีนี้ของเราและตลาด ตามลำดับ

 

รายได้และอัตรากำไรสูงสุดเป็นประวัติการณ์เช่นกัน รายได้รวมอยู่ที่ 1.22 พันลบ.เพิ่มขึ้น 13% QoQ และ 15% YoY และอัตรากำไรขั้นต้น (GPM) อยู่ที่ 36.3% เราเห็นรายได้จากทุกกลุ่มเติบโตขึ้นทั้ง QoQ และ YoY รายได้ผู้ป่วยในเติบโตเร็วกว่าของผู้ป่วยนอกซึ่งผลักดันจากคนไข้อาการรุนแรงที่เพิ่มขึ้น ช่วยหนุนอัดรากำไรให้ขยายตัว รายได้จากคนไข้ต่างชาติทำสถิติสูงสุดใหม่ที่ 216 ลบ. เพิ่มขึ้น 42% YoY และคิดเป็น 17.6% ของรายได้รวมเทียบกับที่ 15% ในช่วง 2 ไตรมาสที่ผ่านมา PR9 เห็นจำนวนคนไข้จากกลุ่มประเทศ CLMV และตะวันออกกลางที่เพิ่มขึ้น ในส่วนของค่าใช้จ่าย SG&A แม้เติบโตขึ้น แต่ยังควบคุมได้ดีและคิดเป็น 17.3% ของรายได้รวมในใตรมาส 3/2567 PR9 ประกาศจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลครั้งแรกที่ 0.15 บาท/หุ้น และจะขึ้นเครื่องหมาย XD วันที่ 22 พ.ย.2567

 

แนวโน้มไตรมาส 4/2567 บล.กสิกรไทยคาดว่าโมเมนตัมรายได้ของ PR9 จะยังคงดีในไตรมาส 4/2567 จากฤดูตรวจสุขภาพและแนวโน้มรายได้คนไข้ต่างชาติโดยเฉพาะจากตะวันออกกลางที่ยังน่าจะเป็นขาขึ้น ปัจจัยดังกล่าวน่าจะสนับสนุนการขยายตัวของอัตรากำไรแม้ค่าใช้จ่ายการตลาดมีแนวโน้มสูงขึ้น

 

บล.กสิกรไทยคงคำแนะนำ "ซื้อ" และ PR9 ยังเป็นหุ้นเด่นในกลุ่มของเรา แม้ราคาหุ้นเพิ่มขึ้น 10% ในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา แต่เรายังคงมุมมองบวกต่อ PR9 เนื่องจากการดำเนินงานไตรมาส 3/2567 แข็งแกร่งมาก ซึ่งบ่งขี้ถึงโมเมนตัมรายได้ที่แข็งแกร่งและการประหยัดต่อขนาดที่ดีขึ้น PR9 จะจัดการประชุมนักวิเคราะห์ในวันที่ 27 พ.ย.2567 ด้านความเสี่ยงขาลงคาดจะมาจากการควบคุมต้นทุนที่มีประสิทธิภาพน้อยลงและการแข่งขันที่รุนแรงกว่าคาด

PR9 อวดกำไร 3Q/67 โตแรง 48.5% เดินกลยุทธ์เกมรุกถูกทาง ผู้ป่วยต่างชาติ-อาหรับเพิ่มต่อเนื่อง มั่นใจโต ดับเบิลดิจิต ตามเป้า

 

บริษัทแถลงว่า PR9 รายงานผลประกอบการ ไตรมาส 3 ปี 2567 กวาดกำไรสุทธิ 208 ล้านบาท โตพุ่ง 48.5% รายได้รวมโต 14.6% แตะ 1,235.9 ล้านบาท ทำนิวไฮรับอานิสงส์ไฮซีซันธุรกิจโรงพยาบาล เนื่องจากผู้ป่วยโรคหัวใจเพิ่มขึ้น ทำหัตถการมากขึ้น ผู้ป่วยผ่าตัดส่องกล้อง-กระดูกและข้อเพิ่มขึ้น ผู้ป่วยกลุ่มประกันและชาวต่างชาติโตเด่น เห็นสัญญาณบวกผู้ป่วยอาหรับ แนวโน้มไตรมาส 4 สดใสต่อ เดินเกมรุกเพิ่มสัดส่วนผู้ป่วยต่างชาติ หาพาร์ทเนอร์ขยายการให้บริการผู้ป่วยในประเทศและต่างประเทศ เดินกลยุทธ์การตลาดประชาสัมพันธ์ศูนย์การแพทย์เฉพาะทางด้านหัวใจและการผ่าตัดให้เป็นที่รู้จักในวงกว้าง เปิดศูนย์แพทย์แผนจีนรองรับความต้องการที่เพิ่มขึ้น ต่อยอดความเชี่ยวชาญทางการแพทย์ มั่นใจปี 67 โต 10-12% ตามเป้า ชี้บริษัทยังมีรูมในการขยายฐานผู้ป่วย ผ่านการใช้เทคโนโลยีและเครื่องมือแพทย์ที่ทันสมัย หนุนการเติบโตระยะยาว

 

นพ.เสถียร ภู่ประเสริฐ รองประธานกรรมการและกรรมการผู้อำนวยการ บริษัท โรงพยาบาลพระรามเก้า จำกัด (มหาชน) (PR9) เปิดเผยผลประกอบการไตรมาส 3 ปี 2567 ว่าบริษัทมีกำไรสุทธิหลัก 208.0 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 68.0 ล้านบาท หรือเติบโต 48.5% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ทำไว้ 140.0 ล้านบาท และมีรายได้รวม 1,235.9 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 157.7 ล้านบาท หรือเติบโต 14.6% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ทำรายได้รวมไว้ 1,078.2 ล้านบาท

 

โดยในไตรมาส 3/67 นับเป็นช่วงที่ก้าวเข้าสู่ไฮซีซั่นของธุรกิจ ส่งผลให้รายได้ของบริษัทเติบโตโดดเด่นทั้งในกลุ่มผู้ป่วยผู้ป่วยใน (IPD) และผู้ป่วยนอก (OPD) มีปัจจัยสนัยสนุนจากผู้ป่วยโรคยากซับซ้อนเพิ่มขึ้น เช่น ผู้ป่วยโรคหัวใจ การรักษาผ่าตัดส่องกล้อง และการรักษาในศูนย์กระดูกและข้อ นอกจากนี้ ยังพบว่ามีการเติบโตของกลุ่มผู้ป่วยกลุ่มชำระค่าบริการด้วยตนเอง (Self-pay) ผู้ป่วยกลุ่มประกัน และ ผู้ป่วยต่างชาติ ทั้งนี้ จากการจัดทีมการตลาดเชิงรุกเพื่อดูแลผู้ป่วยต่างชาติ ส่งผลให้บริษัทสามารถเจาะตลาดผู้ป่วยชาวอาหรับได้เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง โดยเข้ามารักษาโรคยากซับซ้อน อาทิ โรคไต, โรคเบาหวานและแผลเบาหวาน ในขณะเดียวกัน ก็มีการเติบโตผู้ป่วยชาวพม่าที่เข้ามาใช้บริการผ่าตัดเปลี่ยนไตเพิ่มมากขึ้น โดยบริษัทสามารถบริหารต้นทุนค่าใช้จ่ายได้อย่างมีประสิทธิภาพ ส่งผลให้ทำอัตรากำไรสุทธิได้สูงถึง 17% จากเดิมที่ทำไว้ที่ 13% ในช่วงเดียวกันของปีก่อน

 

“ปัจจุบันโรงพยาบาลพระรามเก้าเริ่มเป็นที่รู้จักในกลุ่มผู้ป่วยต่างชาติในวงที่กว้างขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยมีสัดส่วนผู้ป่วยชาวต่างชาติอยู่ที่ระดับ 18% เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน ที่มีสัดส่วนอยู่ที่ 14 ชี้ให้เห็นว่ากลยุทธ์ที่ทางบริษัทกำลังมุ่งดำเนินอยู่กำลังมาถูกทาง ไม่ว่าจะเป็นการมุ่งพัฒนาศักยภาพทางการแพทย์ผ่านทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่มีชื่อเสียงในระดับประเทศ รวมถึงการจัดตั้งทีมการตลาดเชิงรุกที่มีความแข็งแกร่งในการเจาะตลาดผู้ป่วยต่างชาติทั้งในกลุ่มประเทศอาเซียน จีน และอาหรับ ภายใต้หัวใจของการดำเนินธุรกิจในการให้บริการระดับมาตรฐานสากล ในราคาที่จับต้องได้ (Value for Money) เรามั่นใจว่าจะสามารถเพิ่มสัดส่วนผู้ป่วยต่างชาติไปอยู่ที่ระดับ 20% ได้ในอนาคต พร้อมเติบโตตามเทรนด์ของประเทศในการเป็นศูนย์กลางทางการแพทย์”

 

ทั้งนี้ บริษัทมั่นใจว่าปี 67 นี้ จะสามารถเติบโตได้ตามเป้าหมาย 10-12% ที่วางไว้ โดยในไตรมาส 4/67 บริษัทยังคงได้รับอานิสงส์บวกตามปัจจัยทางฤดูกาลของธุรกิจโรงพยาบาล ที่มีจำนวนผู้ป่วยเข้ามาใช้บริการรักษา และตรวจสุขภาพเพิ่มขึ้น โดยจะมุ่งดำเนินกลยุทธ์การทำงานร่วมกับพันธมิตรเพื่อเจาะตลาดผู้ป่วยชาวอาหรับ การประชาสัมพันธ์ศูนย์การแพทย์เฉพาะทางด้านหัวใจ ศูนย์กระดูกและข้อ และความเชี่ยวชาญด้านการผ่าตัดให้เป็นที่รู้จักในวงกว้าง รวมถึงการขยายฐานตลาดกลุ่มผู้ป่วยชาวจีนผ่านการเปิดศูนย์แพทย์แผนจีน

 

นายแพทย์เสถียรกล่าวต่อว่า บริษัทยังมีโอกาสในการเติบโตได้อีกในหลากหลายมิติ ไม่ว่าจะเป็นการต่อยอดเพิ่มการให้บริการทางการแพทย์เพื่อรองรับผู้ป่วยได้เพิ่มขึ้น หลังมีการเปิดให้บริการอาคารใหม่ (อาคาร B) และการรีโนเวทอาคารเดิม (อาคาร A) รวมถึงการนำนวัตกรรมทางการแพทย์มาใช้ในการเพิ่มประสิทธิภาพในการให้บริการ ไม่ว่าจะเป็นการใช้เครื่องมือทางการแพทย์ที่ทันสมัย หรือการพัฒนาระบบการแพทย์ทางไกล (Telemedicine) เพื่อให้บริการผู้ป่วยพื้นที่กว้างขึ้นทั้งในและต่างประเทศ

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง